สุดโหดสองผัวเมียถูกหญิงมาทวงเงินจากการหลอกให้โอนจะไปฝากเข้าทำงานที่โรงพยาบาลนครปฐม แต่ถูกบ่ายเบี่ยงหลายรอบจึงตัดสินใจตามมาทวงถึงบ้านจากนั้นได้หายตัวไป ญาติสงสัยเพราะพฤติกรรมติดต่อทางโทรศัพท์ไม่เหมือนเดิมจึงได้ไปแจ้งความหาคนหายไว้ก่อนที่จะมีคนมาพบโครงกระดูกและมีการแจ้งความคนหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมสองผัวเมียหลังหลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้แล้ว เตรียมสอบขยายผลถึงวิธีสังหารว่าร่วมกันหรือใครที่เป็นคนลง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านหวาดผวาและสาปแช่งพฤติกรรมของสองผัวเมียสุดโหดรายนี้
วันที่ 22 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.30 น. ร.ต.อ.สมภพ เนียมจำเริญ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ดอนตูม จังหวัดนครปฐมได้รับแจ้งมีผู้พบศพถูกฆ่าฝังทิ้งอยู่ที่บริเวณหลังบ้าน หมู่ 5 ตำบลดอนรวก อ.ดอนตูม จ.นครปฐม หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.ดอนตูม แลประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ดอนตูม เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม แพทย์โรงพยาบาลดอนตูม กองพิสูจน์หลักฐาน 7 เพื่อเข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ที่บริเวณหลังบ้าน ห่างจากบ้านพักประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่ช่วยกันขุดดินออก โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตูมและเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค7 เจ้าหน้าที่สืบสวนจังหวัดนครปฐม ศพฐ.ภ7 และแพทย์โรงพยาบาลดอนตูม พร้อมพงส สภ. ดอนตูม และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ดอนตูมร่วมชันสูตรอัตลักษณ์ศพดังกล่าว
เบื้องต้นพบชิ้นส่วนมนุษย์ ได้แก่ กะโหลก กระดูกและ เส้นผมบางส่วน เก็บทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานและรวบรวมส่งกองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมกั้นพื้นที่เพื่อการกการพื้นการผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าในบริเวณดังกล่าว โดยในการตรวจสอบเป็นการติดตามตัวของตำรวจและญาติของนางสาวปิยะวรรณ อายุ 22 ปี หรือแอน หมู่ 1 ต.บางระกำ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งถูกแจ้งความคนหายไว้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2568 ที่สภ.นครชัยศรี ขณะเดียวกันทราบว่าชิ้นเนื้อบางส่วนนั้นถูกคนร้ายนำไปทิ้งนำไปโยนทิ้งน้ำที่บริเวณประตูน้ำใกล้วัดพะเนียงแตก อ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานชุดประดาน้ำจากมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ ช่วยการระดมค้นหา
โดยวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการจับกุมนางสาวภัทราภรณ์ อายุ 21 ปี หรือมิ้ลค์ อยู่ หมู่ 5 ต. ดอนรวก อ. ดอนตูม จ.นครปฐม และนายณรงค์ชัย หรือ เลย์ อายุ 26 ปี สามี อยู่บ้าน หมู่ 3 ต.มาบแค อ.เมืองนครปฐม ซึ่งทั้งสองเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังทราบข่าวว่าได้เดินทางหลบหนีไปกบดานยังจังหวัดเชียงใหม่และทราบว่าทั้งสองถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้แล้ว
ด้าน นางสาวณัฐฏวี อายุ 43 ปี พี่สาวของผู้ตาย อยู่บ้าน หมู่ 1 ต บางระกำอ. นครชัยศรี จ.นครปฐม เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย เจอล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ซึ่งผู้ตายออกจากบ้านเวลา 16.00 น. จากบ้านพักในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี โดยบอกว่าจะมาทวงเงินจากนางสาวภัทราภรณ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ โดยฝากให้ดูแลลูกแล้วจะกลับมา เนื่องจากจะไปทวงเงินจากนางสาวภัทราภรณ์และยังบ่นอีกว่า หากวันนี้ทวงเงินไม่ได้จะมาด่าให้แตกหัก เพราะถูกหลอกให้โอนครั้งละ 2,000 บาท ถึง 5,000 บาท แล้วถูกหลอกลวงว่าจะฝากงานให้ทำที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โอนแล้วโอนอีกจนไม่มีเงิน งานก็ไม่ได้ทำ จึงเกิดความโกรธโมโห จึงจะมาเอาเรื่องนางสาวภัทราภรณ์ ให้รู้ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ หลังจากนั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
โดยในระหว่างที่หายตัวไปนานกว่า 10 วันแต่แชทของผู้ตายนั้นสามารถพูดคุยติดต่อได้ปกติกับทางญาติซึ่งเป็นที่น่าผิดสังเกตว่าไม่ยอม video call หรือ โทรศัพท์กลับมาและยังไม่เดินทางกลับบ้าน สามีของผู้ตายจึงได้ใช้แชทติดต่อกัน แบบพบว่ามีพิรุธกับถ้อยคำคำพูดจาที่ติดต่อกันทางแชทที่มีความผิดปกติ
ต่อมา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 สามีผู้ตาย ได้ไปแจ้งความคนหายที่ สภ.นครชัยศรี โดยสามีของผู้ตาย สงสัยว่า นายณรงค์ชัย หรือเลย์ และ นางสาว ภัทราภรณ์ หรือมิ้ล จะเป็นหนึ่งในการหายตัวไปเนื่องจากภรรยาแจ้งว่าจะมาทวงหนี้ที่ 2 คนนี้และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจ สภ.นครชัยศรี ได้เริ่มดำเนินการสืบสวนคดี เบื้องต้นพบว่าได้ทำการหลอกลวงการโอนเงิน จึงได้ออกหมายจับทั้งสองคนในคดี ฉ้อโกงทรัพย์ และเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ทำการฆาตกรรมผู้เสียชีวิตแล้วหลบหนีไป
ภายหลังจากแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.นครชัยศรี เพียง 2 วัน ต่อมา นางสาวปิยะวรรณหรือแอน ผู้ตาย ได้ไปเข้าฝันพ่อว่า ตายแล้ว ถูกฝังดินอยู่ที่หลังบ้านจึงได้นำความฝันมาเล่าให้กับญาติพี่น้องฟังก่อนจะไปแจ้งความที่สภ. นครชัยศรี โดยเจ้าหน้าที่ ตำรวจสภ. นครชัยศรี ได้ระดมกำลังมาทำการขุดค้นหา แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไล่ล่าผู้ก่อเหตุ ซึ่งจับสัญญาณจากโทรศัพท์ ทราบว่าหลบหนีไปไกล ถึงจังหวัดเชียงใหม่และจับกุมได้เมื่อ 22มีนาคม 2568 ช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงทำการสืบสวนขยายผลและได้รับสารภาพว่าร่วมกันฆ่าน.ส. ปิยะวรรณ พงษ์เภา แล้วทำการเผาและฝังศพไว้ที่หลังบ้าน หมู่5 ต.ดอนรวก อ.ดอนตูม จ.นครปฐม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสาเหตุที่ถูกฆ่า สันนิษฐานว่าลูกหนี้อาจโกรธแค้นเนื่องจากนางสาวภัทราภรณ์ ลำจวน เจ้าหนี้นั้น ปกติแล้วเป็นคนที่ปากจัดชอบด่าพูดจาไม่ดี ซึ่งญาติต่างยืนยันว่าเป็นคนที่ปากร้ายและเป็นคนถึงลูกถึงคน ซึ่งน่าจะแค้นที่โดนหลอกเงินไป ซึ่งตอนนี้จากการให้การทางฝ่ายหญิงบอกว่าคนที่ลงมือก่อเหตุเป็นฝ่ายสามีของตนเองแต่ทางสามีได้ยันว่าได้ร่วมกันฆ่า โดยได้นำอวัยวะไปฝังไว้หลังบ้านและมีการแยกชิ้นส่วนไปทิ้งยังคลองชลประทาน ในพื้นที่ใช้เคียงตอนนี้ได้มีการส่งทีมติดตามหาอวัยวะเพิ่มเติมแล้ว