ธ.ก.ส. ปักธงปีบัญชี68สินเชื่อโต5% เร่งปรับโครงสร้างพอร์ตเสริมแกร่ง
GH News March 24, 2025 04:11 PM

‘ธ.ก.ส.’ กางยุทธศาสตร์ปีบัญชี 68 ปักธงสินเชื่อโต 5% พร้อมเดินเครื่องปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเสริมแกร่ง เล็งดึงทายาทเกษตรกรรับช่วงหนี้ต่อจากลูกหนี้สูงอายุ เร่งบริหารจัดการหนี้เสีย คาดสิ้นปีบัญชี 67 คุมโตไม่เกิน 5.8% 

24 มี.ค. 2568 – นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2567 (เม.ย. 67 – มี.ค. 68) ว่า เบื้องต้นธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ราว 300,000 ล้านบาท เติบโต 25,000 ล้านบาท ขณะที่เงินฝาก เติบโตตามเป้าหมายที่ 90,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) คาดว่า ณ สิ้นปีบัญชี 2567 จะอยู่ที่ 5.7-5.8% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีบัญชีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 5.4% เป็นผลมาจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่หมดลงเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัยต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเลขเอ็นพีแอลของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง 

“จริง ๆ ในปีบัญชี 2567 ธนาคารมีแผนบริหารจัดการและควบคุมหนี้เสียให้อยู่ที่ไม่เกิน 5.5% แต่ด้วยผลจากมาตรการของ ธปท. ที่หมดลง รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ ทำให้หนี้เสียปรับเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้ ตัวเลขเอ็นพีแอลจะไม่ปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์แล้ว เพียงแต่ว่าจะลดลงมาได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น ภายใต้มาตรการที่ธนาคารมีอยู่ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน” นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์ในระยะต่อไปของธนาคาร มีแผนจะปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเพื่อให้มีความมั่นคงและแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะลูกหนี้ในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งธนาคารได้เตรียมมาตรการในการให้ทายาทเข้ามารับช่วงวงเงินสินเชื่อต่อจากลูกหนี้สูงอายุที่อาจจะทำต่อไม่ไหว 

ขณะเดียวกันตั้งแต่ปีบัญชี 2568 (เม.ย. 68-มี.ค.69) ธ.ก.ส. มีแผนที่จะบริหารจัดการหนี้โดยใช้เครื่องมือบริหารจัดการหนี้ให้สอดคล้องกับศักยภาพที่แท้จริงของลูกหนี้ โดยเน้นการสอบทานศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ (Loan Review) โดยเฉพาะในลูกค้าที่อายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 70,000 กว่าบัญชี ซึ่งคาดว่าหลังจากดำเนินการแล้วจะมีลูกค้ากลุ่มนี้เข้าสู่มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ได้ไม่น้อยกว่า 10% ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้มีทั้งที่มีภาระหนี้คงค้าง กลุ่มที่ผ่านมาตรการของธนาคาร และกลุ่มที่เป็นหนี้เสีย 

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปีบัญชี 2568 (เม.ย.68-มี.ค.69) ธ.ก.ส. วางเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 5% โดยธนาคารจะให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเพื่อให้มีความแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะเกษตรกรซึ่งเป็นลูกค้าหลักของธนาคารมีอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาระหนี้ที่มีการปรับเปลี่ยนตามค่าการผลิต ทำให้กระแสเงินสดรับหรือกระแสรายได้ดอกเบี้ยไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน ดังนั้น จำเป็นจะต้องมีการปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเพื่อให้งบการเงินของธนาคารค่อน ๆ แข็งแรงขึ้น ซึ่งเมื่อธนาคารแข็งแรงขึ้น ก็จะทำให้มีความสามารถในการออกมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรได้มากขึ้นด้วย 

“ธ.ก.ส. หวังว่าพอถึงจุด ๆ หนึ่งที่ธนาคารแข็งแรงเพียงพอ จะสามารถเข้ามาช่วยให้ภาระดอกเบี้ยของเกษตรกรควรจะลดต่ำกว่าปกติ เพราะตอนนี้ด้วยสภาพหลาย ๆ อย่าง ต้องยอมรับว่าดอกเบี้ยที่ชาร์จไปที่สินเชื่อภาคเกษตรค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสินเชื่อบางประเภท” นายฉัตรชัย ระบุ

อย่างไรก็ดี ธ.ก.ส. ยังได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการดำเนินโครงการพักหนี้เกษตรกร ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย ในช่วงเดือน ต.ค. 2568 ด้วย โดยคาดว่าน่าจะมีเกษตรกรที่เข้าสู่โครงการระยะที่ 3 ราว 97-98% จากปัจจุบันมีลูกค้าของ ธ.ก.ส. เข้าสู่โครงการพักหนี้เกษตรกร ระยะที่ 2 แล้ว ราว 1.38 ล้านราย ส่วนกลุ่มที่ไม่ไปต่อในระยะที่ 3 นั้น เชื่อว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มที่แข็งแรงแล้ว หรือกลุ่มที่ต้องการวงเงินสินเชื่อเพิ่ม จึงต้องออกจากมาตรการ และหลังจากสิ้นสุดโครงการพักหนี้เกษตรกร ระยะที่ 3 หลังจากนั้นอีก 1 ปี ลูกค้ากลุ่มนี้จะต้องกลับมาชำระหนี้ปกติ ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารจะต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับลูกค้าเพื่อให้มีการปรับตัวกลับเข้าสู่การชำระหนี้ปกติด้วย

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.