กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค)ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการจัดทำ“แผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีของประเทศไทย พ.ศ. 2569 – 2575”ส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศและสร้างเครือข่ายด้านนาโนเทคโนโลยี นำร่อง 4 ประเด็นมุ่งเน้น คือ การแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง พลังงานสีเขียวและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกษตรอาหารเพื่อความยั่งยืนความปลอดภัยและจริยธรรมทางนาโนเทคโนโลยี (Nanosafety & Nanoethics)ตั้งเป้ายกระดับผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในทุกภาคส่วน
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(กสว.) กล่าวว่า นาโนเทคโนโลยี เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการทบทวนแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีของประเทศให้สอดรับกับเป้าหมายและบริบทของระ บบ ววน. ในปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศ
“สำหรับประเทศไทย นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ ระบบ ววน. และใช้เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กว่า 160,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ ได้รวมการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุคเชื่อมั่นว่า แผนที่นำทางฉบับนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาประเทศไทยไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างแท้จริงและเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมให้ก้าวหน้าเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม” ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ กล่าว
ด้าน ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. ได้นำเสนอบทบาทของ สอวช.ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.)ให้รายละเอียด ถึงการจัดทำแผนที่นำทางด้านนาโนเทคโนโลยี ร่วมกับ สวทช. ว่า ตั้งแต่ยังอยู่ในหน่วยงานเดิมคือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เป็นการนำเครื่องมือต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องมือคาดการณ์อนาคต (Foresight) มาช่วยจัดทำแผนที่นำทางฯเพื่อหาแนวทางการพัฒนานาโนเทคโนโลยี รวมถึงการขับเคลื่อนเรื่องนี้ว่าควรจะทำอะไร ทำเมื่อไหร่ และจะเกิดผลสำเร็จอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจัดแผนที่นำทางฯ มาแล้วรวม 3 เล่ม และที่ผ่านมาพบว่านาโนเทคโนโลยี เป็นงานที่สร้างให้เกิดผลกระทบสูง และเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้การจัดทำแผนที่นำทางฯ ร่วมกันในครั้งนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพัฒนาต่อยอดจากแผนเดิมและยังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับแผนใหญ่อื่น ๆ ของประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ที่ สอวช. มีส่วนร่วมในการหารือการจัดทำร่างแผนฯกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่ทำร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และแผนด้านการอุดมศึกษาที่ทำร่วมกับคณะกรรมการอุดมศึกษา (กกอ.) และยังมีกลไกที่สำคัญคือ กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ที่จะช่วยสนับสนุนให้แผนที่จะทำเกิดความสำเร็จได้
“สอวช. มี 2 บทบาท ทั้งการทำงานเป็นเสมือน Think Tank หรือมันสมองของกระทรวง อว. ในเรื่องการทำนโยบายโดยที่ผ่านมาเราได้ทำงานเชื่อมโยงกับงานของกระทรวง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นไปในแนวทางเดียวกันและอีกบทบาทคือการเป็นเลขานุการของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่จะต้องนำเสนอทิศทางนโยบายและแผนต่าง ๆ ที่ประเทศควรเดินไป ซึ่งประเด็นเรื่องนาโนเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่สามารถนำไปเสนอต่อสภานโยบายและเสนอต่อรัฐบาล เพื่อช่วยสนับสนุนในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมในภาพรวมของประเทศได้” ดร.สุรชัย กล่าว
ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553ประเทศไทยได้มีการจัดทำแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยี รวมทั้งสิ้น 3 ฉบับ โดยแผนฯ ฉบับที่ 3ได้สิ้นสุดลงใน ปี พ.ศ. 2564 ซึ่งดำเนินการจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) หรือ สอวช. ในปัจจุบัน ร่วมกับศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช.และเครือข่ายพันธมิตร ดังนั้น เพื่อให้การวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมด้านนาโนเทคโนโลยีของประเทศไทยสอดรับกับนโยบาย แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ ตลอดจนพันธกิจของภาคอุดมศึกษา และสถาบันวิจัยรวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมจึงมีความจำเป็นในการทบทวนทิศทางการวิจัยพัฒนาด้านนาโนเทคโนโลยีให้ชัดเจนและทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ได้แก่ จัดทำแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีของประเทศไทย(Thailand Nanotechnology Roadmap) ระยะ 7 ปี (พ.ศ. 2569 – พ.ศ. 2575)เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และเพื่อสร้างเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมด้านนาโนเทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานด้านการวิจัย สถาบันการศึกษาภาคเอกชน และภาครัฐที่จะช่วยต่อยอดและยกระดับผลงานวิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงในทุกภาคส่วน
“นาโนเทคโนโลยีเป็นเทคโนโลยีแห่งการผลิตในอนาคต และมีศักยภาพในมิติของการเติบโตทางการตลาดแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีของประเทศไทย ปี 2569 – 2575 ที่จะเกิดขึ้นนี้ คาดหวังว่าจะมีบทบาทสำคัญ สามารถประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะใน 3 อุตสาหกรรมนำร่อง คือการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง, พลังงานสีเขียวและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเกษตรอาหารเพื่อความยั่งยืน พร้อมยกระดับผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในทุกภาคส่วน” ดร.อุรชา เผย
หลังจากพิธีลงนามความร่วมมือฯ ดังกล่าว ทั้ง 3หน่วยงาน ยังได้มีการจัดประชุมคณะทำงานการจัดทำแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีฯ ปี 2569-2575 ครั้งที่ 1/2568 เพื่อเป็นการเริ่มต้นหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานให้มองเห็นถึงภาพรวมการทำงานร่วมกันและนำไปสู่การจัดทำแผนที่นำทางฯ ได้ต่อไป.