พิชัย หวังคิกออฟ “ซื้อหนี้ประชาชนจากแบงก์” ก่อน มิ.ย. 68
kaset online March 24, 2025 08:20 PM

พิชัย รมว.คลังหวังคิกออฟ “ซื้อหนี้ประชาชนจากแบงก์” ก่อน มิ.ย. 2568 เหตุประเทศรอช้าไม่ได้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการมาตรการซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคาร จะมีความชัดเจนเมื่อใด หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2568 นี้ ว่า จะพยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการโดยเร็ว เพราะประเทศไทยรอช้าไม่ได้

เมื่อถามย้ำว่า โครงการนั้นจะชัดเจนก่อนเข้าสู่ไตรมาส 3 เดือน ช่วงเดือนมิถุนายนได้หรือไม่ นายพิชัย ระบุว่า ตนก็อยากจะดำเนินการให้เร็วกว่านั้น​

ส่วนมาตรการดังกล่าวจะออกมาในรูปแบบซื้อหนี้เสียหรือ NPL เหมือนปี 2540 ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือไม่ นายพิชัย​ กล่าวว่า น่าจะประมาณนั้น​

เมื่อถามว่า หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ​เอนเตอร์เทน​เมนต์​คอมเพล็กซ์​ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หรือไม่ นายพิชัย ได้แต่เพียงยิ้ม และเดินทางกลับทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายพิชัยเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมใช้เงิน FIDF 20,000-30,000 ล้าน ช่วยกลุ่มหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาท ซี่งมีอยู่ประมาณ 3.5 ล้านคน มีหนี้คงค้างประมาณ 1.24 แสนล้านบาท โดยใช้วิธีซื้อหนี้จากแบงก์มาให้ AMC บริหาร เชื่อหาก 3 ปีชำระได้ปกติ จะสามารถล้างสถานะเครดิตได้

สำหรับผู้ที่จะเข้ามาซื้อหนี้จากแบงก์ นายพิชัยกล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่ อาจจะใช้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีอยู่แล้ว หรือจะตั้งใหม่ ต้องพิจารณา แต่อยากทำให้เร็วที่สุด ไม่ให้นานเกิน 3 เดือน 6 เดือน

นายพิชัยกล่าวว่า หลังซื้อหนี้มาแล้ว ต้องดึงลูกหนี้มาเจรจา โดยต้องประกาศว่ารอบนี้ไม่มีการลงโทษ เพราะอยากแก้ปัญหาจริง ๆ ให้เข้ามาคุยกัน ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากเศรษฐกิจที่ไม่ดีมายาวนาน และในกลุ่มนี้จะมี 2 ส่วน คือ กลุ่มที่มีความสามารถชำระในช่วงก่อนโควิด เป็นลูกหนี้ดี กับกลุ่มที่ไม่มีความสามารถ

“อาจจะตั้ง AMC หรือใช้ AMC โครงสร้างเดิม แล้วก็มากำหนดกติกาว่าหนี้กลุ่มนี้จะเจรจาอย่างไร ถ้าผมคิดไปเลยว่าคนกลุ่มนี้สามารถหลุดจากเครดิตบูโรได้ ก็บอกเขาไปว่า ถ้าคุณมาเคลียร์ ผมมีช่องทางให้ ถ้าคุณค้าขายจริง เป็นเด็กดีจริง เราจะเริ่มเติมเงินให้คุณบางส่วน” นายพิชัยกล่าว และว่า

หากแก้ปัญหากลุ่มหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทนี้ได้ ภาพรวมหนี้ครัวเรือนของประเทศก็จะลดลง เพราะกลุ่มนี้มีจำนวนค่อนข้างมาก โดยสิ้นปี 2568 นี้ คาดว่าหนี้ครัวเรือนจะลดเหลือระดับ 88% และเมื่อแก้ลูกหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทนี้ได้ หนี้ครัวเรือนก็จะลดลงไปอีก ขณะที่กลุ่มลูกหนี้ที่เกิน 1 แสนบาท ก็เป็นกลุ่มที่ต้องพิจารณาต่อไป โดยต้องดูว่าแบงก์จะปรับโครงสร้างหนี้เองได้อย่างไร

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.