“สุรเชษฐ์” สับ รบ.แก้สัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ย้อนถามใครสั่ง จวกหาเหตุขยายสัมปทานทางด่วนยาวจนข้ามศตวรรษ จี้ “นายกฯ อิ๊งค์” ลุกแจง
เมื่อเวลา 18.10 น.วันที่ 24 มี.ค.68 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ขออภิปรายการทุจริตเชิงนโยบาย 2 เรื่องจากยุคอำนาจเก่า แต่มาเอื้อประโยชน์โดยรัฐบาลแพทองธาร คือ 1.การแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มีลักษณะให้นายทุนคว้าสัมปทานให้ได้ก่อนแล้วประโยชน์เพิ่มโดยการแก้ไขสัญญาในภายหลัง เป็นความร่วมมือระหว่างทุนใหญ่กับนายใหญ่ที่หาประโยชน์ผลประโยชน์เพิ่มจากการแก้สัญญา
โครงการนี้เซ็นสัญญาไปแล้ว 5 ปีตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.62 แต่ยังไม่เริ่มโครงการ ทราบว่านายทุนใหญ่ยังไม่อยากเริ่มงาน ขอเลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน อยากแก้สัญญาก่อนค่อยเริ่มงาน แม้ที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม บอกจะไม่มีการแก้สัญญาให้ แต่สุดท้ายก็มีการแก้สัญญา ใครสั่งให้กลับลำ นายใหญ่ ทุนใหญ่หรือนายน้อยสั่งการเอง จนทำให้ นายสุริยะ เป็นโมฆะบุรุษ
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า สัญญาที่แก้ไขจากเดิมรัฐจะแบ่งจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง รัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานที่การรถไฟฯ ตรวจรับ นี่เป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่รัฐหาเงินมาประเคนเอกชน ส่วนประชาชนทั่วไปและข้าราชการซวยเพราะเป็นการเบียดบังพื้นที่งบประมาณในอีกหลายปี กล่าวโดยสรุปคือเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย นายทุนใหญ่พยายามคว้าสัมปทาน หากไปต่อได้ก็กำไร หากไปไม่ไหวก็มาต่อรองขอแก้สัญญา ทราบมาว่านายกฯ จะแก้สัญญาแน่ๆ เพื่อเพื่อนพ่อ นายกฯ รู้หรือไม่
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า และ 2.การขยายสัมปทานทางด่วนที่ทุนใหญ่ได้สิทธิ์กินต่อ และขอขยายสัมปทานไปเรื่อยๆ คือทางด่วนขั้นที่ 2 เป็นเส้นที่สร้างรายได้หลัก เส้นนี้ทำกำไรงามมาก จึงต้องหาเหตุขยายสัมปทานโดยทุนใหญ่กับนักการเมืองร่วมกัน ขณะนี้มีความพยายามจะขยายสัมปทานอีกครั้ง โดยการพยายามจะทำทางด่วนซ้อนทางด่วน หรือทางพิเศษชั้นที่สองหรือ Double deck ระยะทาง 17 กิโลเมตรจากงามวงศ์วานถึงพระราม 9 งบประมาณ 34,800 ล้านบาท ที่สำคัญทางขึ้นและทางลงขึ้นจากทางด่วนเดิม
ซึ่งโครงสร้างนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ถือเป็นการผลาญงบประมาณโดยไม่จำเป็น สร้างโดยไม่ช่วยแก้ปัญหา โอกาสคุ้มค่ามีน้อย โอกาสคุ้มทุนไม่มีเลย แม้จะขาดทุนแต่ก็ยังหาสร้างกัน แต่แท้จริงแล้วอยากกอดรายได้ก้อนเดิมจากทางด่วนขั้นที่ 2 ถือเป็นดีลที่ช่วยให้มีกินมีใช้ไปพร้อมกันทั้งนายทุนและนายใหญ่
“ตระกูลชินวัตรกล้าหาเหตุมาขยายสัมปทาน จากเดิมที่จะหมดอายุในปี 2578 จะขอขยายไปอีก 22 ปี 5 เดือน หมดสัมปทานในปี 2601 เรียกว่าข้ามศตวรรษกันไปเลย เรียกว่าดีลซ่อนไพ่ ต้องเข้าใจว่าการลดค่าทางด่วนให้เหลือ 50 บาทต่อสาย ไม่ใช่ว่าเอกชนใจดียอมลดราคาให้ เอกชนได้เงินเท่าเดิมในรูปแบบที่เปลี่ยนไป พร้อมกับกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสัมปทาน นายทุน นายใหญ่สั่งแก้สัญญาผ่านนายน้อยแน่ๆ ขอให้นายกฯ ลุกขึ้นมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตนเอง เพราะซูเปอร์ดีลทั้งสองเรื่อง ต้องใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีที่มีนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ท่านจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้“ นายสุรเชษฐ์ กล่าว