ปภ. ชี้แจงกรณีปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 ยืนยันข้อมูลปี 68
GH News March 25, 2025 11:23 AM

?ปภ. ชี้แจงกรณีปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 ยืนยันข้อมูลปี 68 พื้นที่เผา – จุด Hotspot ลดลง ย้ำ บกปภ.ช. เป็นกลไกระดับชาติจัดการสาธารณภัยปัญหาฝุ่นทุกมิติ แจงชัดเกณฑ์ประกาศเขตช่วยเหลือผู้ประสบภัยฝุ่น PM2.5 ค่าตัวเลขเป็นข้อมูลวิชาการและเป็นมาตรฐานเดียวกัน

(24 มี.ค. 68 เวลา 19.30 น.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับปัญหา PM2.5 พื้นที่เผาไหม้ในปี 2568 เพิ่มมากขึ้นจากปี 2567 การกล่าวอ้างว่าปริมาณ PM2.5 ลดลงไม่เป็นความจริง และ บกปภ.ช. โดย รมว.มท. ออกประกาศบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างจริงจัง เคร่งครัด และเด็ดขาด ซึ่งสวนทางกับมติ ครม. ที่กำหนดให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง รวมถึงการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีฝุ่น PM2.5 ที่กำหนดให้มีค่าฝุ่นตั้งแต่ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรติดต่อกัน 5 วัน มีเกณฑ์ สูงเกินไป ทำให้ไม่มีจังหวัดใดประกาศเขตได้ และประเด็นหลักเกณฑ์การใช้เงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ พ.ศ. 2562 ไม่มีหลักเกณฑ์ที่รองรับการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับ PM2.5

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะหน่วยงานกลางของรัฐดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

?ประเด็นปัญหา PM2.5 พื้นที่เผาไหม้ในปี 2568 เพิ่มมากขึ้นจากปี 2567 การกล่าวอ้างว่าปริมาณ PM2.5 ลดลงไม่เป็นความจริงนั้น จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นที่เผาไหม้ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2568 พบมีพื้นที่เผาไหม้ จำนวน 3,822,200 ไร่ เปรียบเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันของปี 2567 พบพื้นที่เผาไหม้ 1,039,400 ไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,782,800 ไร่ เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ต่อประชาชนให้มีน้อยที่สุด รัฐบาลจึงได้ยกระดับมาตรการควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาดทั่วประเทศ ทำให้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีพื้นที่เผาไหม้ จำนวน 4,149,995 ไร่ ลดลงจากปี 2567 จำนวน 115,905 ไร่ ส่วนข้อมูลจุดความร้อน หรือ Hotspot พบว่า ปี 2567 (ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 23 มี.ค. 67) มีจำนวนจุด Hotspot รวม 73,700 จุด ส่วนข้อมูลปี 2568 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 23 มี.ค. 68 (ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA) พบว่า มีจำนวนจุด Hotspot รวม 62,415 จุด ซึ่งลดลงจำนวน 11,285 จุด คิดเป็นร้อยละ 15.31

?สำหรับประเด็นที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างจริงจัง เคร่งครัด และเด็ดขาด ซึ่งสวนทางกับมติคณะรัฐมนตรีที่ได้กำหนดให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง นั้น จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 จนถึงเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลมีความห่วงใยของพี่น้องประชาชน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ซึ่งเป็นกลไกระดับชาติในการควบคุมสั่งการการจัดการสาธารณภัย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570 โดยได้เปิดปฏิบัติการ (Activate) กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2567 โดยได้มีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2568 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 24 มีนาคม 2568) รวม 27 ครั้ง พร้อมทั้งได้กำหนดนโยบาย มาตรการ และข้อสั่งการในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในภาพรวมของประเทศที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกันและลดการเกิดมลพิษจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ การบังคับใช้กฎหมาย การดูแลสุขภาพของประชาชน การบริหารจัดการในภาพรวม และการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งได้มีมาตรการที่เข้มข้น เพื่อควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาดในทุกพื้นที่ โดยการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด มีการดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเผาในทุกกรณี ควบคู่กับการใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการลดการเผาทั้งในพื้นที่เกษตรพื้นที่ป่า และพื้นที่ชุมชน/ในเขตเมือง ส่งเสริมให้ประชาชนนำเศษวัสดุทางการเกษตรไปแปรรูปให้เกิดประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการเชื้อเพลิงนั้นจะเป็นกระบวนการที่อยู่ในช่วงระยะเตรียมการ ทั้งการทำแนวกันไฟ การประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและความร่วมมือ รวมถึงการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในระยะต้น ในระยะเกิดเหตุจึงจำเป็นที่จะต้องยกระดับมาตรการในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้มีความเข้มข้นขึ้นตามระดับความรุนแรงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

?ในส่วนของประเด็นเกณฑ์ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยการให้ความช่วยเหลือใช้หลักเกณฑ์สูงเกินไปนั้น ปภ. ขอเรียนว่า หลักเกณฑ์การประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) กำหนดเกณฑ์ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในบรรยากาศโดยทั่วไปมีค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ติดต่อกัน 5 วัน ให้พิจารณาประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และเมื่อภัยพิบัติยุติลง เป็นตัวเลขที่ได้จากความเห็นทางวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่สร้างเสริมสุขภาพอนามัย การป้องกัน ควบคุม และการรักษาโรคภัย ว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยกรมบัญชีกลางได้ให้ความเห็นว่า การกำหนดตัวเลขค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตั้งแต่ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ติดต่อกัน 5 วัน เป็นตัวเลขที่ได้มาจากความเห็นทางวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข โดยตัวเลขดังกล่าวจะเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สอดคล้องกับงานวิจัยความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในประเทศต่าง ๆ ประกอบกับฝุ่น PM2.5 มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จึงกำหนดระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือที่ชัดเจนและเหมาะสม นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษยังได้ให้ความเห็นว่าจะต้องมีการสัมผัสติดต่อกัน 24 ชั่วโมง จึงจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ จึงกำหนดค่ามาตรฐานเป็นค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สำหรับกรมอุตุนิยมวิทยา อาจใช้การคาดการณ์สภาพอากาศ เพื่อดูแนวโน้มของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ดังนั้น การกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่มีข้อมูลทางวิชาการ ซึ่งจะทำให้มีเกณฑ์ตัวเลข ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันในการประกอบการพิจารณาประกาศเขตฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนหลักเกณฑ์ฯ โดยกรุงเทพมหานครได้มีหนังสือขอให้ ปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางทบทวนหลักเกณฑ์ให้มีค่า PM2.5 อยู่ที่ 90-100 ไมโครกรัม/ลบ.ม. โดย ปภ. ได้ขอความเห็นไปยังกรมควบคุมมลพิษและกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เบื้องต้นกรมควบคุมมลพิษได้ให้ความเห็นมาแล้วว่า ให้ปรับลงจาก 150 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เป็น 125 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ซึ่งเมื่อได้รับความเห็นจากทั้ง 2 หน่วยงานแล้ว ปภ. จะได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดค่าที่เหมาะสม และขอความเห็นไปยังกรมบัญชีกลางต่อไป พร้อมทั้งประกาศใช้และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย จะติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านการพยากรณ์เฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยให้แก่ประชาชน และการสนับสนุนทรัพยากร อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ร่วมปฏิบัติการในระดับพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) และลดผลกระทบที่มีผลต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตของประชาชนให้ได้มากที่สุด ///////

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.