"สมศักดิ์" เปิดงานวัน อสม.แห่งชาติ ปลื้มสอนประชาชนนับคาร์บเกินเป้า 23 ล้านคนแล้ว เดินหน้าเป้าใหญ่ 50 ล้านคน ยันไม่นิ่งนอนใจ พ.ร.บ.อสม. รอความเห็น 4 หน่วยงาน คาด ชง ครม.พิจารณาทัน 27 มี.ค. แนะ อสม.ดูว่าใครจริงใจ ช่วยผลักดันบ้าง
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.68 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้กล่าวให้โอวาทในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายชูชัย มุ่งเจริญพร ส.ส.จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข นายสราวุธ อ่อนละมัย ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ อสม.เข้าร่วม ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง อสม. ทั้ง 15 ท่าน ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันนี้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเครื่องหมายแสดงเกียรติยศ และบำเหน็จความชอบ ที่พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแก่ผู้กระทำความดี ความชอบ อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ศาสนา และประชาชน จึงเป็นสิริมงคล เป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติของวงศ์ตระกูล นับเป็นเกียรติยศอันสูงสุด แก่ผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้กล่าวเปิดงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 มอบโอวาท และแสดงความยินดีแก่ อสม. ในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ดีเด่นระดับชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า พี่น้อง อสม. เป็นกำลังสำคัญ ที่ทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศ เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ และยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs โดยมีบทบาทสำคัญในการดูแล และส่งเสริมสุขภาพของพี่น้องประชาชน ให้มีวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ทั้งการกิน การนอน การออกกำลังกาย รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตใจ โดยตนยินดีที่ได้ทราบว่า ปัจจุบัน อสม. ชวนคนไทยนับคาร์บได้ กว่า 23 ล้านคน ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว
"คนที่นับคาร์บอย่างต่อเนื่อง เห็นผลอย่างชัดเจนว่าสุขภาพดีขึ้น โดยเมื่อเทียบระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 กับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีคนประมาณ 90,000 คน ที่ลดน้ำหนักลงได้ ซึ่งน้ำหนักที่ลดลงได้เฉลี่ย คนละ 2.89 กิโลกรัม โดยผมขอขอบคุณพี่น้อง อสม. ทุกท่าน ที่ทุ่มเททำงานเพื่อสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน และขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง อสม. ที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติอาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่นทุกท่าน โดยขอให้พวกเราช่วยกัน ให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน ให้ได้ตามเป้าหมาย 50 ล้านคน ภายในปีงบประมาณนี้ เพื่อทำให้คนไทยห่างไกล NCDs อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป" รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของ พ.ร.บ. อสม. ที่จะทำให้พี่น้อง อสม. มีหลักประกันที่มั่นคงและยั่งยืน กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการ ครม. แล้ว ซึ่งคาดว่า จะบรรจุในวาระการประชุมครม. เร็วๆนี้ และจะเข้าสู่กระบวนตราเป็นกฎหมายต่อไป โดยเรื่องกฎหมายของ อสม. ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้ติดตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียน มาโดยตลอด เพราะใน พ.ร.บ.อสม. ให้มีการจัดตั้งกองทุนให้ อสม. แต่คณะกรรมการกองทุนหมุนเวียน ได้พิจารณาหลายครั้ง โดยเราประสานติดตามไปไม่น้อยกว่า 7 ครั้ง แต่สุดท้าย ก็ยอมให้มีบัญชีกองทุน อยู่ในกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเมื่อยอมรับแล้ว ก็ต้องรวบรวมความเห็น 9 หน่วยงาน ก่อนเสนอครม.พิจารณา โดยเมื่อเช้า ตนได้ติดตามพบว่า ให้ความเห็นชอบมาแล้ว 5 หน่วยงาน ยังเหลืออีก 4 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกรุงเทพมหานคร
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ความเห็นของแต่ละหน่วยงาน จะมีผลต่อการพิจารณา ก็ขอให้ อสม.ดูว่า ใครจริงใจกับอสม.และช่วยผลักดันบ้าง แต่ตนขอยืนยันว่า ช่วยผลักดันอย่างเต็มที่ เพราะในกฎหมายจะช่วยความมั่นคงให้กับ อสม. เนื่องจากมีกองทุน เพื่อรับเงินให้ อสม. โดยไม่ได้ขอจากภาครัฐโดยตรง แต่เราจะทำงานแลก เพื่อเอาเงินเข้าสู่บัญชี เช่น เงินยึดทรัพย์ยาเสพติด หากอสม.แจ้งเบาะแส จะได้รางวัลนำจับ 5% จากการยึดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เงินที่อสม.ช่วยรณรงค์จนลดงบประมาณได้ อย่าง โรคเบาหวาน ที่จ.นครราชสีมา ได้มีการจัดการนำคนเข้าบำบัด 5,810 คน สามารถลดค่าใช้จ่าย ลดยา ได้กว่า 24 ล้านบาท หากนำผู้ป่วยเบาหวาน 6.5 ล้านคน เข้าสู่ระบบเหมือนกัน ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้กว่า 26,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ อสม.ช่วยประหยัดได้ ก็ควรเข้าบัญชีกองทุน อสม.
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ มีอสม. จำนวน 15 คน รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หลังได้ทำความดี ดูแลพี่น้องประชาชนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง อสม.กำลังขับเคลื่อนงานสำคัญ คือ NCDs โดยกระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายให้อสม.สอนประชาชนนับคาร์บ 20 ล้านคน แต่ขณะนี้ เกินเป้าหมายแล้ว ซึ่งอสม.สามารถสอนประชาชน นับคาร์บได้แล้วกว่า 23 ล้านคน โดยจากนี้ ก็จะทำตามเป้าหมาย 50 ล้านคนต่อ และเมื่อถึงเป้าหมาย ก็จะมีรางวัลตรวจสุขภาพให้กับ อสม.ฟรีทุกคน
เมื่อถามว่า เรื่อง พ.ร.บ.อสม.ถือเป็นของขวัญให้อสม.ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.อสม. หน่วยงานที่ต้องให้ความเห็น ยังเหลือ 4 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกทม. โดยตน เข้าใจว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 27 มี.ค.68 น่าจะมีการพิจารณาทัน