25 มี.ค. 2568 น.ส.ลำภู (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี อาชีพแม่บ้าน นำหลักฐานการโอนเงินพร้อมคลิปวีดีโอ เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ปิยณัฐ สุวรรณ์ธนากุญช์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังถูก น.ส.นัฏกมล (สงวนนามสกุล) อายุ 72 ปี ข้าราชการบำนาญ และ น.ส.นฤมล (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ซึ่งอ้างตัวว่าทำงานอยู่ที่กรมทางหลวง มาขอยืมเงินไปรวมทั้งหมด 1,800,000 บาท โดยเริ่มหยิบยืมเงินครั้งแรกตั้งแต่ปลายปี 2563 แต่ผ่านมา 4 ปี ได้เงินคืนกลับมาเพียง 115,000 บาท เท่านั้น ที่ผ่านมาคู่กรณีบ่ายเบี่ยงที่จะคืนเงินมาโดยตลอด ทำให้เงินเก็บออมมาทั้งชีวิตไม่เหลือสักบาท แม้แต่เงินที่จะต้องนำไปจ่ายค่าเทอมลูกสาวทั้ง 3 คน ก็ไม่มี 

สุดช้ำลูกสาวคนที่ 2 ต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ชีวิตครอบครัวไร้ความสุข กลายเป็นหนี้ก้อนโตกว่า 6 แสนบาท เพราะเงินส่วนหนึ่งที่นำไปให้ยืมนั้น ก็เป็นการไปกู้คนอื่นมาให้ ทำให้ปัจจุบันต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆจากเจ้าหนี้ที่ติดค้างอยู่ ส่วนลูกหนี้คนที่ยืมเงินไปจากตนกลับใช้ชีวิตสุขสบาย วอนขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวคู่กรณีมาชดใช้หนี้เงินที่ขอยืมไป 

 

 

 

น.ส.ลำภู เล่าว่า คู่กรณีทั้งสองคนบอกว่าเป็นแม่ลูกกัน มาขอยืมเงินจากตน โดยคนเป็นแม่บอกว่าลูกสาวเขาทำงานอยู่ที่กรมทางหลวง และทำงานมา 14 ปีแล้ว โดยลูกสาวอยู่ระหว่างทำเรื่องกู้เงินสหกรณ์จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งมีเงินมาใช้คืนให้ได้อยู่แล้ว ทำให้ตนหลงเชื่อไปหยิบยืมให้ ซึ่งทุกครั้งตนจะให้ทำสัญญากู้ยืมเงินเอาไว้ ซึ่งทางเขาก็จะเอาหลักฐานเป็นบัตรประชาชน บัตรข้าราชการ สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และบัตร ATM มาไว้ที่ตน โดยมีทั้งของคนเป็นแม่และของลูก ซึ่งเขาจะทยอยมายืมเงินจากตนทุกวัน บางวันก็ครั้งละ 4-5 รอบ รอบละหลายหมื่นบาท โดยเริ่มทำการยืมเงินมาตั้งแต่ปลายปี 2563 และยืมต่อเนื่องมาประมาณ 2 เดือนกว่า ซึ่งในสัญญากู้ยืมเงินที่ทำกันไว้ รวมหนี้ทั้งหมดเป็นเงินจำนวน 1.8 ล้านบาท แต่พอเวลานัดชำระหนี้ ทั้งสองคนกลับไม่มีเงินมาคืนให้ 

ก่อนหน้านี้ประมาณปลายปี 2566 ก็ได้มาทำสัญญากู้ยืมเงินกันอีกครั้งที่ สภ.เมืองนนทบุรี โดยทำข้อตกลงว่าจะคืนเงินให้กับตนเดือนละ 10,000 บาท เริ่มจ่ายเดือนแรกคือ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 และจากนั้นใน พ.ค. 2567 จะคืนให้อีก 200,000 บาท และจะคืนให้ตนอีกเดือนละ 20,000 บาททุกเดือน แต่จนถึงวันนี้ตนยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว การที่คู่กรณีทั้งสองคนยืมเงินตนไปแล้วไม่คืน ทำให้ครอบครัวของตนต้องแตกแยก เงินที่ทำงานเก็บมาทั้งชีวิตถูกยืมไปหมดไม่พอ ตนเองยังต้องมาเป็นหนี้สินจากการที่ไปยืมคนอื่นมาให้อีก 600,000 กว่าบาท เพื่อเอาไปให้สองแม่ลูกยืม ตนต้องดิ้นรนหาเงินคืนไปคืนให้เจ้าหนี้เขา แต่สองแม่ลูกไม่เคยคิดคืนเงินมาให้ตนบ้างเลย 

 

ตอนแรกเขาก็บอกว่าเป็นแม่ลูกกัน พอต้นปี 2568 กลับบอกว่าไม่ใช่เป็นแม่ลูกกัน พอไปทวงกับคนนี้ก็ให้ไปถามกับคนนั้น พอถึงวันนัดเขาก็ไม่ให้ ล่าสุดนัดคืนเงินเดือน ม.ค. 2568 แล้วก็ผลัดมาเป็น ก.พ.  แล้วก็เลื่อนเป็น มี.ค. สุดท้ายก็ไม่มีเงินมาใช้คืนตนอีก ตนจึงคิดว่าคงไม่ได้เงินคืนแน่นอน จึงมาแจ้งความ เพื่อให้ตำรวจช่วยเหลือ 

 

น.ส.ลำภู กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเครียดมาก ทะเลาะกับสามีตลอด จนลูกสาวคนที่ 2 ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อย ต้องพาไปรักษาตัว ตอนนี้ผ่านมา 6-7 เดือน อาการป่วยก็ยังไม่ดีขึ้น ครอบครัวลำบากมาก ไม่รู้ว่าเขาทำกับตนคนเดียวหรือเปล่า หรือไปทำกับคนอื่นด้วย ตอนนั้น ถ้าเขาไม่พูดว่าลูกเขาทำเรื่องกู้สหกรณ์ โดยให้ตนเป็นผู้รับผลประโยชน์ตนคงจะไม่ให้ยืม คิดว่าเขามีศักดิ์ศรี จึงกล้าให้ยืม สุดท้ายครอบครัวของตนต้องเจอกับความฉิบหายแทน ต้องอยู่แบบอดๆอยากๆ งานอะไรที่ทำแล้วได้เงินตนทำเอาหมด แม้กระทั่งนั่งลอกสายไฟจนมือแตกก็ต้องทำ อยากให้ต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่เขาทำอยู่ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตนด้วย ตนไม่มีทางออกแล้ว