กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้า’เชียงใหม่’ ‘ขับเคลื่อน 6 ด้าน-ผลักดัน 3 โครงการ’
จากการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2568 เมื่อค่ำวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา สมาชิกยกมือหนุน “กอบกิจ อิสรชีววัฒน์” วัย 51 ปี นักธุรกิจไฟแรงจากบริษัท เชียงใหม่วรวัฒน์ จำกัด ธุรกิจขายปลีกและขายส่งรองเท้าและชุดนักเรียน รายใหญ่แห่งตลาดวโรรส หรือกาดหลวง เป็นประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดสมัยที่ 25 ประจำปี 2568-2569
หลังการประชุม “กอบกิจ อิสรชีววัฒน์” เปิดเผยว่า ตั้งใจจะขับเคลื่อนงาน 6 ด้าน เพื่อสร้างเชียงใหม่ให้ดีกว่าเดิม คือ 1.นำ AI เข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจเพราะเทคโนโลยีมีผลต่อการทำธุรกิจ เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงาน จัดการข้อมูลและวางแผนงาน แต่ไม่มุ่งมาทดแทนคน 2.Green และความยั่งยืน เป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติและจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมผลักดันการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ฝุ่นควัน 3.เชื่อมโยงธุรกิจสู่ระดับโลก นำพาผู้ประกอบการเปิดตัวออกไปยังตลาดโลก ในประเทศต่างๆ มากขึ้น ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายที่มี 4.พัฒนาผู้ประกอบการ กลุ่มนักธุรกิจหลายๆ กลุ่มไปพร้อมๆ กัน ทั้งผู้บริหารระดับสูง กลาง รุ่นใหม่ และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ของการพัฒนาธุรกิจภาคเหนือและเชียงใหม่ 5.พัฒนาเมืองในมิติของสมาร์ทซิตี้ ครีเอทีฟล้านนา โดยจับมือกับภาครัฐขับเคลื่อนการแก้ปัญหาโครงสร้าง กฎหมายผังเมือง และ 6.สร้างความเข้มแข็งให้หอการค้าจังหวัด เพื่อสมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่
“ยังมี 3 โครงการสำคัญที่อยากผลักดัน คือ 1.สนับสนุนหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เป็นฮับ หรือศูนย์กลางทางด้านการวิจัยผู้ประกอบการ โดยจะร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จัดอบรมสัมมนาเพื่อเจาะลึกปัญหา อุปสรรคของธุรกิจแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ เพื่อหาทางช่วยเหลือผ่านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อการแก้ปัญหาได้จริง
2.พัฒนาสิ่งแวดล้อม ESG คือ Environment การรับผิดชอบขององค์กรต่อสิ่งแวดล้อม Social ดูแลสังคม และ Governance มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการทำธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนในการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความชัดเจน โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผลักดัน Carbon Footprint คือ ปริมาณการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อให้ง่ายขึ้นและธุรกิจเอสเอ็มอีนำไปใช้ได้ รวมทั้งเงินกู้สำหรับธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Green Loan) ซึ่งจะร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดเล็ก
และ 3.เดินหน้าร้องขอโครงการขนาดใหญ่ เมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่ผลักดันเม็ดเงินเข้ามาสู่เชียงใหม่ให้เร็วขึ้น ทั้งสนามบินแห่งที่ 2, รถไฟรางคู่, ถนนวงแหวน เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ ก่อให้เกิดการจ้างงานมากขึ้นตามมา
นอกจากนี้ มีข้อเสนอเร่งด่วนถึงรัฐบาล คือ ปัญหาสิ่งแวดล้อมของเชียงใหม่ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น, การเตรียมพร้อมรับฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร อยากให้มุ่งเน้นกรีนซีซั่นให้ดังกว่านี้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยงานเทศกาลต่างๆ ให้เกิดการรับรู้ กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยว เพราะปีที่ผ่านมาเชียงใหม่เผชิญอุทกภัยครั้งใหญ่ ปีนี้จะเกิดอีกหรือไม่ มีการติดตามโครงการแก้ปัญหาที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องและจริงจังหรือไม่
