‘สคฝ.’ ชี้มาตรการอัดฉีดเงินช่วยเหลือจากรัฐ หนุนอัตราเงินฝากเดือน ก.ย. 67 ทะยาน 6.83% อึ้ง! คนไทยมีเงินฝากในบัญชีน้อยกว่า 5 หมื่นบาท สูงถึง 4.84% กางยอดเงินฝากพุ่ง 16.32 ล้านล้านบาท โต 1.40% พร้อมประเมินแนวโน้มเงินฝากปี 68 วิ่งต่อแตะ 16.65 ล้านล้านบาท
26 มี.ค. 2568 – นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA กล่าวว่า สถิติเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง ณ สิ้นปี 2567 รวมกว่า 99.25 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 4.75% หรือ 4.50 ล้านราย และมีจำนวนเงินฝากรวม 16.32 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 1.40% หรือ 0.22 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกัน พบว่า อัตราการเติบโตของเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากที่เงินฝากน้อยกว่า 50,000 บาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 4.84% โดยปัจจัยการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในผู้ฝากกลุ่มนี้มีผลมาจากโครงการเงินช่วยเหลือภาครัฐ ทำให้อัตราเงินฝากในเดือน ก.ย. 2567 พุ่งขึ้นถึง 6.83% สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีในช่วงเดือนเดียวกัน ที่ 2.50%
ในขณะที่ผู้ฝากกลุ่มที่มีเงินฝากมากกว่า 100 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นรองลงมาอยู่ที่ 2.70% ซึ่งคาดว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในบัญชีประเภทเงินฝากประจำ เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการนำเงินมาพักเพื่อรอความชัดเจนของสภาพเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้อัตราการเติบโตของเงินฝากกลุ่มนี้ยังคงเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่พบว่า ค่าเฉลี่ยเงินฝากคนไทย อยู่ที่ 1.98 แสนบาทต่อบัญชี ลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 2.03 แสนบาทต่อบัญชี หรือลดลง -2.49% ขณะที่ข้อมูลในปี 2566 ยังพบอีกว่า คนไทยส่วนใหญ่มีเงิน 3,164 ต่อบัญชี ซึ่งลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 3,533 บาทต่อบัญชี หรือลดลง -10.44%
“ตัวเลขค่าเฉลี่ยเงินฝากของคนไทยส่วนใหญ่ที่ลดลงนั้นมีผลจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ หนี้สินและอัตราดอกเบี้ย ส่วนแนวโน้มค่าเฉลี่ยเงินฝากในปี 2567 นั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล โดยต้องดูหลายส่วนประกอบไม่ใช่แค่เงินฝากเพียงอย่างเดียว เนื่องจากประชาชนบางส่วนมีการพักเงินไว้หลายที่ เช่น กองทุนต่าง ๆ ดังนั้นการพิจารณาจึงต้องดูจากหลายปัจจัย แต่คาดการณ์ว่าแนวโน้มเงินฝากจะเติบโตเพิ่มขึ้นแน่นอน” นายมหัทธนะ กล่าว
นายมหัทธนะ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน ภายใต้วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงินนั้น อยู่ที่ 97.46 ล้านราย คิดเป็นอัตราส่วน 98.20% ของผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ สะท้อนอันดับความสามารถในการคุ้มครองผู้ฝากส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ในเอเชียและอันดับที่ 31 ของโลก ส่วนผู้ฝากที่ไม่ได้รับการคุ้มครองมีเพียง 1.8% เท่านั้น
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเงินฝากในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 1 – 3% โดยมีค่ากลางที่ 2% หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 16.65 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจากยังมีปัจจัยกระทบที่ไม่แน่นอนจากทั้งภายในและนอกประเทศ
อย่างไรก็ดี สคฝ. ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานภายใต้แนวคิด READY & Prompt มุ่งสู่ยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (ปี 2566 – 2570) โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพองค์กร ทั้งในด้านการจ่ายเงินคุ้มครอง และการชำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์ เพื่อให้ผู้ฝากเงินได้รับการคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยตั้งเป้าการจ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากส่วนใหญ่ภายใน 7 วันทำการสำหรับผู้ฝากที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงการบริหารเงินกองทุนคุ้มครองเงินฝากให้มีการเติบโต มั่นคง และปลอดภัย ซึ่งมีเป้าหมายรายได้ปี 2568 อยู่ที่ 2.20% โดยปัจจุบันมูลค่าเงินกองทุนฯ อยู่ที่ 1.46 แสนล้านบาท