นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรียบร้อยแล้ว ดูจากตัวเลขคะแนนที่โหวตไว้วางใจ ถือว่าผ่านได้สบายๆ โดยเสียงของสส.รัฐบาล มากันแบบครบถ้วน ไม่มีแตกแถว แถมยังได้เสียงจากฝ่ายค้านมาเพิ่มให้อีก
มองในแง่เสถียรภาพรัฐบาล ก็น่าจะยังราบรื่นไปได้อีกนาน!
โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลเอง ที่ก่อนหน้านี้มีปมความขัดแย้งกันหลายเรื่อง ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย
ครั้นเมื่อดูจากการโหวตไว้วางใจ บ่งบอกว่ายังไปด้วยกันได้
ที่ผ่านมาก็ยังอยู่ในกรอบของการ “ตบ-จูบ”
จากนี้ไปก็อาจจะยังมีเรื่องตบ-จูบกันไปอีกหลายเรื่อง แต่คงยังไม่ถึงจุดแตกหัก ยังต้องอยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น!!
มีคำถามว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชน ในการซักฟอกหนนี้ ทำได้ดีหรือไม่
พร้อมกับคำถามที่ว่าแล้วฝ่ายรัฐบาล ตอบคำถามได้ดีหรือไม่
มีนักวิเคราะห์ทางการเมืองให้คำตอบว่า หัวข้อญัตติ “ดีลแลกประเทศ” ชัดเจนว่าเป็นประเด็นทางการเมือง หาคำตอบได้ยาก!?
แต่เพื่อจะอภิปรายตอกย้ำปมประเด็นทางการเมือง ว่าด้วยเรื่องการตั้งรัฐบาลเมื่อ 2 ปีก่อน
ต้องการจะปลุกกระแสทางการเมือง โดยหยิบประเด็นการกลับไทยของทักษิณ ตอกย้ำว่าเป็นดีลลับ ที่ทำให้พรรคชนะอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลไม่ได้!!
หวังจุดกระแสของคนที่ไปลงคะแนนเลือกพรรคก้าวไกลให้คุกรุ่น
เพื่อยังร้อนรุ่มต่อไปจนถึงการเลือกพรรคประชาชนครั้งหน้า
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ชี้แจงตอบโต้ว่า ไม่มีดีลลับแลกประเทศ
อธิบายถึงการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งปี 2566 ว่า พรรคเพื่อไทยและประชาชาติ ร่วมสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของก้าวไกลอย่างเต็มที่ ร่วมโหวตในสภาให้ด้วย
แต่ไม่อาจฝ่าด่าน 250 สว. และอีกหลายพรรค ที่ตั้งแง่ม.112 ทำให้ก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ
จึงส่งผ่านมายังเพื่อไทยเป็นผู้ตั้งรัฐบาล และพรรคอื่นๆ ก็เข้ามาร่วม โดยยืนยันเรื่อง ม.112 ทำให้ก้าวไกลโดนตัดออกไป
นำมาสู่บทสรุปที่ว่า ก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้เอง เพื่อไทยจึงเป็นรัฐบาลโดยไม่เกี่ยวกับดีลลับทักษิณ!?
รวมๆ แล้วกล่าวได้ว่า ศึกซักฟอกครั้งนี้ ฝ่ายค้านพยายามนำประชาชนย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อจุดกระแสทางการเมือง
ส่วนรัฐบาล เมื่อผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว มีแต่จะต้องนำประชาชนเดินหน้าต่อไป มองในอีก 2 ปีข้างหน้า ต้องเร่งสร้างผลงาน เร่งแก้ปากท้อง
เมื่อฝ่ายค้านดึงประชาชนย้อนไปดูการเมืองเมื่อ 2 ปีก่อน ฝ่ายรัฐบาลคงต้องนำประชาชนมองไปยัง 2 ปีข้างหน้าแทน!!
วงค์ ตาวัน