‘บิ๊กอุ้ม’ ปลื้มคนไทยรู้หนังสือพุ่ง เร่งพัฒนา นักอ่านกลุ่มสูงวัย หวังผลจัดอันดับนานาชาติดีขึ้น

จากกรณีที่ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ร่วมแถลงผลการสำรวจการรู้หนังสือของประชากรไทย ปี 2568 พบว่า อัตราคนไทยรู้หนังสือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ98 เติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่อัตราไม่รู้หนังสือ 51 จังหวัดต่ำกว่าร้อยละ1 ‘แม่ฮองสอน’ ยังวิกฤต ขณะที่กลุ่มสูงวัย พบปัญหาอ่านน้อย เกิดภาวะการลืมหนังสือ โดย สกร.เร่งแก้ไข เตรียมของบดำเนินการจัดทำที่อ่านหนังสือหมู่บ้านกว่า 5.4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ นั้น

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีและประทับใจกับการดำเนินงานของสกศ. และสกร. ที่ได้ร่วมมือกันสำรวจและประยุกต์ใช้ข้อมูลสำคัญอย่างอัตราการรู้หนังสือของประชากรไทยในปี 2568 สะท้อนให้เห็นศักยภาพของ สกร. ที่สามารถดำเนินการสำรวจข้อมูลขนาดใหญ่ ครอบคลุมประชากรกว่า 5 แสนคนทั่วประเทศ แม้ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก แต่ก็สามารถดำเนินการได้อย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมถึงศักยภาพการดำเนินงานของ สกศ. ที่เร่งนำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์ด้วยหลักฐานที่มีความเป็นวิชาการ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการจัดอันดับของเว็บไซต์ World Population Review อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้านการศึกษาที่เข้มแข็ง ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดีของวงการการศึกษาไทย ในการยกระดับคุณภาพสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน ข้อมูลผลการสำรวจการรู้หนังสือปี 2568 ไม่เพียงเป็นสถิติ แต่คือภาพสะท้อนของโอกาสทางการศึกษา และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

“ศธ.จะนำข้อมูลนี้ไปเป็นสารตั้งต้นในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยในระยะยาว เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประชากรไทยให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ พร้อมขับเคลื่อนประเด็นสำคัญ อาทิ การพัฒนาทักษะการอ่านในกลุ่มผู้สูงวัย การสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการส่งเสริมการอ่าน และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั่วประเทศ โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน สกศ. ได้หารือกับสถาบันสถิติ (UIS) แห่งองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก และเตรียมส่งข้อมูลการสำรวจดังกล่าว เพื่อใช้ในการจัดอันดับด้านการศึกษาระดับนานาชาติอย่างแม่นยำ คาดว่าแนวโน้มอันดับของไทยจะดีขึ้น สะท้อนคุณภาพและสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการศึกษาไทยในสายตาประชาคมโลก ”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว