ข้อมูลจากสมาคมโรงแรมไทยระบุว่า ปัจจุบันมีโรงแรมที่เป็นสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยจำนวน 1,037 แห่ง รวมทั้งหมด 171,427 ห้อง และมีความพยายามในการพัฒนาธุรกิจโรงแรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
Green Hotel นับเป็นหนึ่งในหลาย ๆ โครงการที่สมาคมโรงแรมไทยเปิดโอกาสให้กับโรงแรมไทยในการพัฒนา โดยล่าสุดได้จัดเสวนา Sequence “Go Smart, Go Green for Sustainable Tourism” ร่วมกับ SME D Bank, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวให้มีการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรม
“อุดม ศรีมหาโชตะ” อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย บอกว่า โครงการ Green Hotel Plus มีเป้าหมายสำคัญในการช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ด้วยการผลักดันโรงแรมให้มุ่งเน้นการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมโรงแรมไทยและกรมการท่องเที่ยว โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 เพื่อช่วยเหลือโรงแรมในประเทศไทยในการปรับตัวให้เหมาะสมกับมาตรฐานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
“อุดม” บอกด้วยว่า แม้โครงการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากโรงแรมจำนวนมาก แต่หนึ่งในอุปสรรคที่โครงการต้องเผชิญคือ ข้อจำกัดด้านงบประมาณในการดำเนินงาน ซึ่งทำให้จำนวนโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการลดลงในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีเริ่มต้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดด้านการเงินในการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวสมาคมโรงแรมไทยได้เรียกร้องให้ภาครัฐเพิ่มงบประมาณเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโรงแรมที่มีขนาดเล็กถึงกลางเพื่อให้สามารถปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
และให้ข้อมูลอีกว่า การที่โรงแรมต้องปรับตัวให้เป็น Green Hotel ไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจโรงแรมเอง โดยเฉพาะในมุมมองของนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
“โรงแรมที่มีมาตรฐานการดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดี จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยว ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืน”
ด้าน “ศิริชัย ลอยประเสริฐ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ SME D Bank ระบุว่า ธนาคารให้การสนับสนุนภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 เอสเอ็มอีแบงก์ได้ทุ่มเทในการให้สินเชื่อและคำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมถึงการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดท่องเที่ยว
เอสเอ็มอีแบงก์ยังมุ่งเน้นการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคธุรกิจท่องเที่ยว และช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและประสบการณ์ที่มีคุณภาพ
สำหรับการปรับตัวสู่ความยั่งยืนของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวนั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในระดับประเทศ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น
โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มที่มาจากยุโรปและตะวันออกกลาง ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การผลักดันโรงแรมไทยให้เข้าสู่มาตรฐาน Green Hotel จึงเป็นทางเลือกที่สำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ในฐานะผู้นำด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
