นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) คนใหม่ที่ได้รับเลือกเข้ามาหลังนายกสมาคมฯ เดิมหมดวาระไป เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้จำเป็นต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้น (แมนเมด) ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อหารายได้จากการใช้จ่ายเพิ่มเติมของนักท่องเที่ยว โดยหลังจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนี้จะต้องส่งให้รัฐสภา ประกอบด้วย ส.ส. และ ส.ว. พิจารณาเห็นชอบต่อไปนั้น ในร่างดังกล่าวกำหนดหลักการว่า ต้องมีกาสิโนไม่เกิน 10% ของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทั้งหมด ซึ่งภาคเอชนกมีความเป็นห่วงและกังวลในเรื่องการดูแลควบคุมการเข้าใช้บริการของลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะต้องกำหนดให้เข้มข้นมากที่สุด ไม่มีช่องโหว่ให้คนไทยที่ไม่มีคุณสมบัติเข้าไปใช้บริการได้ทั้งสิ้น โดยความสำคัญคือ การจ้างงาน หากการจ้างงานเอื้อให้ชาวต่างชาติมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่ออานิสงส์การจ้างงานที่ควรเป็นของคนไทยได้ จึงต้องกำหนดเงื่อนไขของการจ้างงานโดยคนไทยให้มากที่สุด และควบคุมคนไทยไม่ให้เล่นในกาสิโน เพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่จะตามมาด้วย
นายธนพล กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังวิกฤตในขณะนี้คือ นักท่องเที่ยวจีน ต้องยอมรับว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นิยมเดินทางเข้ามาเที่ยวเอง (เอฟไอที) มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจ รับลูกค้าเป็ากรุ๊ปเล็กมาขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวตลาดอื่นๆ ด้วย โดยหากเป็นกรุ๊ปใหญ่ที่จะดึงดูดให้เข้ามามากขึ้น จะเน้นไปที่กลุ่มท่องเที่ยวเชิงประชุมสัมมนา (ไมซ์) และท่องเที่ยวเป็นรางวัล (อินเซนทีฟ) แทน เพราะมีการเข้ามาพร้อมกันในจำนวนที่เยอะมาก และมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง โดยการกระตุ้นตลาดจีนในส่วนของแอตต้า เพื่อแก้ไขปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว วางแผนไว้คือ ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ 3 เมืองของจีน โดยนำผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จำนวน 100 ราย พบปะผู้ประกอบการจีนกว่า 400 ราย เพื่อเจรจาธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งจะจัดอย่างยิ่งใหญ่มากขึ้น เพื่อให้เห็นผลเชิงบวกที่รวดเร็วกว่าเดิม
นายธนพล กล่าวว่า ในภาพรวมตลาดจีนเที่ยวไทยปี 2568 ก็ยังหวังให้ถึง 8 ล้านคนตามเป้าหมายของรัฐบาล แต่เป็นไปได้ยาก ซึ่งจะต้องกระตุ้นตลาดแรงๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้หมดไตรมาส 1 แล้ว มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยเพียง 1.2 ล้านคนเท่านั้น แม้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปหารือร่วมกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แต่ก็ช่วยด้านความเชื่อมั่นเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วจะต้องหารือกับผู้ประกอบการจีน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในประเทศไทย เมื่อยังไม่มีการหารือกันจึงยังไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นเช่นกัน
“สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการจากรัฐบาลในขณะนี้คือ การสนับสนุนด้านงบประมาณในการทำตลาดจากภาครัฐ เพราะรัฐบาลไม่ค่อยมีงบประมาณเข้ามาสนับสนุนเอกชน รวมถึงงบประมาณในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งยังไม่เห็นแผนงานว่าจะทำอะไรบ้างอย่างชัดเจน อาทิ การเดินทางไปโรดโชว์ที่จีน 3 เมือง จะใช้งบประมาณอยู่ 6 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่รัฐบาลไม่ได้ช่วยสนับสนุนส่วนนี้ ทั้งที่ผู้ประกอบการออกไปต่างประเทศเพื่อดึงความเชื่อมั่นในภาคท่องเที่ยวกลับมา จึงอยากให้รัฐบาลมองว่า การออกไปโรดโชว์เพื่อทำตลาดต่างชาติถือเป็นการสร้างนายได้ให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพียงสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเองเท่านั้น” นายธนพล กล่าว
นายธนพล กล่าวว่า การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ วางแผนการทำงานเบื้องต้นไว้คือ จะสานต่องานที่สมาคมฯ ทำมาก่อนหน้าตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาดเข้ามาส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว จนหลังโควิดผ่านไปก็มีการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งที่จะทำมากขึ้นคือ สมาคมฯ ในส่วนกลางจะเข้าไปหารือร่วมกับคณะกรรมจากภูมิภาคในแต่ละจังหวัด ดึงเข้ามาทำงานร่วมกับส่วนกลางมากขึ้น เพื่อให้เข้าใจถึงกายภาพและศักยภาพของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง กระจายนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติลงไปมากขึ้น