‘คลัง’ แจงเงินหมื่นเฟส 3 'ดิจิทัลวอลเล็ต' แจกไม่ทันสงกรานต์
bangkokbiz March 28, 2025 07:54 AM

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้เสนอรายละเอียด โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 3 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแจกเงินหมื่นผ่านเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับคนไทย อายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน วงเงิน 27,000 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็ว ๆ นี้


“ตอนนี้กระทรวงการคลัง ได้เสนอรายละเอียดของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ซึ่งอยู่ในรายงานของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว และเชื่อว่า น่าจะเวียนขอความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ จากนั้นน่าจะเสนอเข้ามายังครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบได้เร็วๆนี้” นายจุลพันธ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่าไทม์ไลน์ของการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะดำเนินการได้ทันก่อนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 หรือไม่นั้น รมช.คลัง ยอมรับว่า คงไม่ทันกับช่วงสงกรานต์ และขอให้รอก่อน เพราะตอนนี้ยังมีขั้นตอนการเสนอเข้าครม. ส่วนการจัดทำระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น ที่ผ่านมาได้รับรายงานเบื้องต้นว่ากำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งในเรื่องของการพัฒนาระบบนั้นน่าจะใกล้แล้วเสร็จ

สำหรับรายละเอียดของโครงการ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 ผ่านการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตนั้น กระทรวงการคลัง แจ้งเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินโครงการว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567

โดยวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม

ขณะเดียวกันยังพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อทดสอบระบบการชำระเงินกลางของประเทศ ใช้ฐานข้อมูลที่ได้ลงทะเบียนไว้ในแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรก จะเริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถประยุกต์ใช้ดิจิทัล (Digital Adoption) ได้สูง นั่นคือ เด็กไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี รวมประมาณ 2.7 ล้านคน ก่อนเป็นลำดับแรก
 

นอกจากนี้ในการดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนมีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ช่วยเพิ่มการบริโภคสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ พึ่งพาตนเองได้ และเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพด้วย

ส่วนกลุ่มเป้าหมายประชาชน กำหนดว่าต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ และต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทยและอายุตั้งแต่ 16-20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2547 ถึงวันที่ 16 กันยายน 2551)

คุณสมบัติกลุ่มเป้าหมาย

  • ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ
  • เป็นผู้ที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ณ วันที่ส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง ไม่รวมถึงทะเบียนบ้านกลาง
  • ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสลากออมทรัพย์
  • ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
  • ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตามฐานข้อมูลของ พม. ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
  • ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ประกอบด้วย นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.