IMF ประเมินมาตรการภาษีของทรัมป์ มองยังไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เมื่อคิดตามกรณีฐาน แม้กำแพงภาษีจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูง
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หรือไอเอ็มเอฟยังคงดำเนินการประเมินผลกระทบมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งล่าสุดมีการลงนามในคำสั่งขึ้นเก็บภาษีรถยนต์นำเข้า 25% อย่างไรก็ตาม ประมาณการในกรณีฐานของไอเอ็มเอฟไม่ได้มองว่าสหรัฐจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)
นางสาว จูลี่ โคแซ็ก (Julie Kozack) กล่าวในงานแถลงข่าวตามปกติของไอเอ็มเอฟเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2025 ว่า ภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บกับแคนาดาและเม็กซิโก หากยังดำเนินต่อไป จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าว ทั้งยังระบุว่า ไอเอ็มเอฟกำลังดำเนินการประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีในภูมิภาคอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
การประเมินข้างต้นจะถูกนำไปรวมในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับต่อไปในเดือนเมษายนของไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะมีการระบุวิธีการประเมินอย่างชัดเจน ทั้งนี้ มาตรการภาษีของทรัมป์บางรายการอาจมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์นำเข้าที่จะมีผลในวันที่ 3 พฤษภาคม
โคแซ็ก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตแข็งแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมกราคม เนื่องจากสหรัฐยุตินโยบายทางการเงินแบบตึงตัว (Tightening Monetary Policy) ลงในปีก่อน
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเดือนมกราคม ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเป็น 2.7% จาก 2.2% ในประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนตุลาคม โดยอิงจากตลาดแรงงานที่แข็งแรงและการลงทุนที่เร่งตัวขึ้น
โคแซ็ก กล่าวว่า แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายอย่างมาก นับตั้งแต่รายงานครั้งก่อนเผยแพร่ ขณะที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายตัว ส่งสัญญาณถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากระดับที่แข็งแกร่งมากในปี 2024 อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยังไม่เกิดขึ้น เมื่อคิดในกรณีฐาน
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะหนืดกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการประเมินแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ซึ่งหมายความว่า ธนาคารกลางจะต้องรับมือด้วยนโยบายการเงินในเชิงรุก