เมื่อเงาของจิบลิ ทาบทับโลกดิจิทัล มนต์เสน่ห์เอไอ AI เสียงกระซิบแห่งความกังวล และคำถามถึงจิตวิญญาณของศิลปะ
ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างถูกร่ายขึ้นในโลกดิจิทัลสัปดาห์นี้ เมื่อ ChatGPT เวอร์ชั่นใหม่เปิดประตูให้เหล่าผู้หลงใหลในมนต์ขลังของ “สตูดิโอจิบลิ” สตูดิโอแอนิเมชันระดับตำนานจากญี่ปุ่น ผู้สรรค์สร้าง “Spirited Away” และภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอีกมากมาย ได้ลองหยิบยื่นภาพถ่ายส่วนตัวหรือแม้กระทั่งมีม (meme) ยอดฮิตบนอินเทอร์เน็ตเข้าไปในเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ แล้วเสกสรรค์ให้กลายเป็นภาพลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดุจดังหลุดออกมาจากปลายพู่กันของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ
ปรากฏการณ์ “Ghiblification” นี้ นำมาซึ่งรอยยิ้มและความตื่นเต้นแก่ผู้คนจำนวนมาก ยานู ลิงเกสวารัน คือหนึ่งในนั้น โดยหนุ่มผู้ประกอบการชาวเยอรมันลองนำภาพถ่ายของมาลี แมวพันธุ์แร็กดอลล์วัย 3 ขวบของเขา ใส่เข้าไปในเครื่องมือสร้างภาพใหม่ของแชทจีพีทีเมื่อวันพุธ พร้อมคำสั่งง่ายๆ ว่า “เปลี่ยนเป็นสไตล์จิบลิ”
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ภาพอนิเมะที่ยังคงเค้าโครงของมาลี แต่ก็ดูคล้ายคลึงกับเหล่าตัวละครแมวเหมียวที่ปรากฏกายอย่างมีชีวิตชีวาในโลกของมิยาซากิ ไม่ว่าจะเป็นจาก “My Neighbor Totoro” หรือ “Kiki’s Delivery Service” อย่างน่าอัศจรรย์
“ผมตกหลุมรักผลลัพธ์ที่ได้จริงๆ” ลิงเกสวารันกล่าว “เรากำลังคิดจะพิมพ์มันออกมาใส่กรอบแขวนไว้บนผนังบ้าน”
ไม่ใช่แค่ภาพแมวเหมียวเท่านั้น ภาพจำอันโด่งดังอื่นๆ ก็ถูกนำมาอาบไล้ด้วยสไตล์จิบลิเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพนักกีฬายิงปืนชาวตุรกี ยูซุฟ ดิเก็ค ในท่าทีสบายๆ สวมเสื้อยืด มือล้วงกระเป๋า ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่เขาคว้าเหรียญเงินไปครอง หรือแม้แต่มีมระดับตำนาน “Disaster Girl” ภาพเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่หันมามองกล้องพร้อมรอยยิ้มบางๆ ขณะที่บ้านเบื้องหลังกำลังลุกไหม้ในกองเพลิง
ดูเหมือนว่า OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT จะไม่ได้แสดงท่าทีขัดขวางกระแสนี้เท่าใดนัก ซ้ำยังดูเหมือนจะสนับสนุนอยู่กลายๆ เมื่อ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของบริษัท เปลี่ยนรูปโปรไฟล์บนแพลตฟอร์ม X ของตนเองเป็นภาพพอร์เทรตสไตล์จิบลิเสียด้วยซ้ำ ในเอกสารทางเทคนิคที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร บริษัทระบุว่า เครื่องมือใหม่นี้จะใช้ “แนวทางที่ค่อนข้างระมัดระวัง” ในการเลียนแบบสุนทรียภาพของศิลปินแต่ละคน โดยมีการ “เพิ่มการปฏิเสธ” เมื่อผู้ใช้พยายามสร้างภาพในสไตล์ของศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ในแถลงการณ์เพิ่มเติม บริษัทกล่าวว่า “อนุญาตให้ใช้สไตล์สตูดิโอที่กว้างกว่า ซึ่งผู้คนได้ใช้สร้างสรรค์และแบ่งปันผลงานต้นฉบับที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟนๆ ที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริง”
ท่ามกลางความเบิกบานใจเหล่านี้ เงาทะมึนของข้อกังวลด้านจริยธรรมและลิขสิทธิ์ก็เริ่มก่อตัวขึ้น คำถามสำคัญคือ ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ถูก “ฝึกฝน” ด้วยการซึมซับผลงานสร้างสรรค์อันมีลิขสิทธิ์หรือไม่ และนั่นจะส่งผลกระทบต่ออนาคตและปากท้องของศิลปินที่เป็นมนุษย์อย่างไร
สตูดิโอจิบลิ สงวนท่าที ไม่ออกความเห็นใดต่อปรากฏการณ์นี้แต่เสียงจากอดีตของฮายาโอะ มิยาซากิ วัย 84 ปี ผู้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องงานแอนิเมชันวาดด้วยมืออันประณีตและเรื่องเล่าเปี่ยมจินตนาการ กลับดังสะท้อนขึ้นมาอีกครั้ง ชายผู้เคยแสดงความกังขาต่อบทบาทของ AI ในโลกแอนิเมชัน เคยกล่าววาจาอันหนักแน่นเมื่อปี 2016 หลังจากได้ชมการสาธิตแอนิเมชันที่สร้างโดย AI ซึ่งนำเสนอภาพร่างที่บิดเบี้ยวคล้ายซากศพกำลังเคลื่อนไหวด้วยศีรษะ มิยาซากิกล่าวว่าเขารู้สึก “ขยะแขยงอย่างที่สุด”
ผู้สาธิตอธิบายว่า AI สามารถ “นำเสนอการเคลื่อนไหวอันน่าสะพรึงกลัวที่มนุษย์เราไม่อาจจินตนาการได้” และอาจนำไปใช้กับการเคลื่อนไหวของซอมบี้
คำอธิบายนั้นกระตุ้นให้มิยาซากิเล่าเรื่องราวส่วนตัว“ทุกเช้า… ไม่ใช่ช่วงนี้หรอกนะ ผมเคยเจอเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีความพิการ” มิยาซากิเล่า “มันยากลำบากมากสำหรับเขาแค่จะยกมือขึ้นมาแปะมือทักทาย แขนของเขาที่กล้ามเนื้อแข็งเกร็งไม่สามารถยื่นมาถึงมือผมได้ เมื่อนึกถึงเขาแล้ว ผมไม่อาจมองภาพเหล่านี้ (จาก AI) แล้วพบว่ามันน่าสนใจได้เลย ใครก็ตามที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา ไม่มีความเข้าใจในความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย”
“ผมไม่มีวันที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในงานของผมอย่างเด็ดขาด” เขากล่าวปิดท้ายอย่างหนักแน่น “ผมรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า นี่คือการดูหมิ่นต่อชีวิต”
ในมุมมองทางกฎหมาย จอช ไวเกนส์เบิร์ก หุ้นส่วนบริษัทกฎหมาย Pryor Cashman ชี้ให้เห็นถึงปมปัญหาที่ซับซ้อน ประเด็นหนึ่งคือ โมเดล AI นี้ถูกฝึกฝนด้วยผลงานของมิยาซากิหรือสตูดิโอจิบลิหรือไม่ “ซึ่งนำไปสู่คำถามว่า ‘พวกเขาได้รับอนุญาตหรือสิทธิ์ในการฝึกฝนนั้นหรือไม่?'” เขากล่าว และเสริมว่า แม้โดยหลักการทั่วไป “สไตล์” อาจไม่ใช่สิ่งที่จดลิขสิทธิ์ได้ แต่สิ่งที่ผู้คนเรียกว่า “สไตล์” นั้น บางครั้งอาจหมายถึง “องค์ประกอบที่เฉพาะเจาะจง สัมผัสได้ และแยกแยะได้ ของงานศิลปะ”
“หากคุณหยุดเฟรมภาพยนตร์อย่าง ‘Howl’s Moving Castle’ หรือ ‘Spirited Away’ คุณจะชี้ไปยังสิ่งต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจงได้ แล้วลองมองดูผลลัพธ์จาก AI คุณอาจเห็นองค์ประกอบที่เหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันอย่างมากในผลลัพธ์นั้น” ไวเกนส์เบิร์ก อธิบาย “การหยุดแค่ว่า ‘โอ้ สไตล์มันคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ได้’ นั้น อาจไม่ใช่บทสรุปของเรื่องนี้”
คาร์ลา ออร์ติซ ศิลปินผู้เติบโตมากับการชมภาพยนตร์ของมิยาซากิ และกำลังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องผู้สร้าง AI สร้างภาพรายอื่นในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “อีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนว่าบริษัทอย่าง OpenAI ไม่ได้ใส่ใจต่องานของศิลปินและวิถีชีวิตของพวกเขาเลย”
“นั่นคือการใช้แบรนด์ของจิบลิ ชื่อของพวกเขา ผลงานของพวกเขา ชื่อเสียงของพวกเขา เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ (ของ OpenAI)” ออร์ติซกล่าวอย่างขุ่นเคือง “มันคือการดูหมิ่น คือการฉวยใช้”
ความขุ่นเคืองของเธอยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บัญชี X อย่างเป็นทางการของทำเนียบขาวในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ภาพสไตล์จิบลิ เป็นรูปหญิงสาวชาวโดมินิกันกำลังร้องไห้ ซึ่งถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ
“การได้เห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม งดงาม อย่างงานของมิยาซากิ ถูกบิดเบือนเพื่อสร้างบางสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้” ออร์ติซเขียนบนโซเชียลมีเดีย พร้อมแสดงความหวังว่าสตูดิโอจิบลิจะ “ฟ้องร้อง” OpenAI ให้ถึงที่สุด.
อ่านข่าวเพิ่มเติม