รวบไรเดอร์ชิงทอง 30 บาท ย่านเพชรเกษม

วันที่29 มี.ค.พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บชน.  พล.ต.ต.คมสิทธ์ รังไสย์ ผบก.น9. พ.ต.อ.ธีระชัยเด็ดขาด รอง ผบก.น9.สั่งการให้ ชุดสืบสวนพ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษมและฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ระนอง และเจ้าหน้าที่ สภ.ปากน้ำระนอง ร่วมกันจับกุมตัว  นายจักรกฤต์ หรือตัง อายุ 24 ปี ชาวอ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน  “ชิงทรัพย์” ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 341/2568 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2568

พร้อมด้วยของกลาง  สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 2 เส้น เงินสด 68,000 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Apple รุ่น iPhone 16 Pro Max  1 เครื่อง ซองใส่ซิมโทรศัพท์มือถือ  3 ซอง หัวเป่าแก๊สทองเหลือง 3 หัว และ กระเป๋าแบบคาดอกยี่ห้อ CCDOBLEO สีดำอีก1 ใบโดยจับกุมตัวได้ที่ รีสอร์ท แห่งหนึ่ง ม.1 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา10.46 น.วันที่ 25 มี.ค.เกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านค้าทองคำ ภายในห้างสรรพพสินค้า เพชรเกษม แขวงหลังสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ได้สร้อยคอทองคำไปจำนวน 6 เส้น น้ำหนักรวม 30 บาท แล้วหลบหนีไป จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้คือนายจักรกฤต์ หรือตัง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ และต่อมาศาลอาญาธนบุรีได้ออกหมายจับเลขที่ 341/2568 ลงวันที่ 27 มี.ค.68 ต่อมาวันนี้ 28 มี.ค.68 จุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่านายจักรกฤต์ ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่ที่ รีสอร์ท ม.1 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายจักรกฤต์  อยู่บริเวณดังกล่าวมีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแสดงบัตรประจำตัวให้ดูเพื่อขอจับกุม  แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ตรวจค้นในกระเป๋าคาดอกพบของกลางทั้งหมดดังกล่าว จึงนำตัวกลับไปสอบสวนที่สน.เพชรเกษม

   จากการสอบสวนนายจักรกฤต์ ให้การอ้างว่า ที่เจ้าของร้านทองบิกว่าตนได้ทองไป30บาท ตนยืนยันได้ว่าตนได้ไปแค่เส้นละ5บาท3เส้น รวม15บาท แต่ก่อนตนมีเงินได้จากการเล่นสกุลเงินบิดคอยด์ และอดีตแฟนปล่อยเงินกู จนกระทั่งค่าเงินบิดคอยด์ลดค่าลง ทำให้ตนขาดทุนเป็นเงินประมาณ6แสนบาท ประกอบกับเลิกกับแฟน จึงไม่มีเงินติดตัว จนต้องมาก่อเหตุดังกล่าว ส่วนเงินที่ได้มาใช้กิน เที่ยว เดินทาง และซ้อมยิงปืน

  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายจักรกฤต์ ชอบดูหนังแนวสืบสวน ชอบเล่นเกมส์ และชอบยิงปืน ก่อนก่อเหตุไปดูลาดเลาที่ห้างทองที่กิดเหตุมาแล้ว1ครั้ง แล้วจะลงมือก่อเหตุในวันที่19มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่สบโอกาส เพราะมีตำรวจและคนเดินในห้างเยอะ จนกระทั่งวันที่25มี.ค.ซึ่งแต่ละครั้งที่มาห้างนี้ จะโทรศัพท์เรียกรถโบลท์แท็กซี่ และจะแต่งจุดไลน์แมน เหมือนมาส่งของ รับของ จนกระทั่งก่อนลงมือก่อเหตุได้สั่งซื้อซิมการ์ดแบบไม่ระบุตัวตน ซึ่งเป็นซิมการ์ดของคนเกาหลีที่เลิกใช้ไปแล้ว5ปี จากทางอินเตอร์เน็ต ซื้อหัวเป่าทองเหลือง3หัวพร้อมแก๊สกระป๋องพกติดตัวไว้ วันก่อเหตุได้โทรศัพท์เรียกรถโบลท์แท็กซี่จากหน้าวัดนางสาว อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มาที่ห้าง แล้วคำนวนว่าใช้เวลาก่อเหตุไม่เกิน3นาที จึงได้โทรศัพท์เรียกรถโบลท์แท็กซี่รอไว้หน้าปากซอยเพชรเกษม67 จำนวน3คัน หลังก่อเหตุเสร็จ จึงวิ่งไปขึ้นรถโบบท์แท็กซี่ โตโยต้า พรียูส สีเหลือง ให้ไปส่งลงที่หน้าวัดใหม่หนองพะอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามวัดนางสาว จากนั้นรถดันดังกล่าวได้ตรงไปกลับรถเพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ แล้วโชเฟอร์ได้ลงไปเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน แล้วขับรถออกมา ใช้เวลาประมาณ5นาที เป็นจังหวะที่นายจักรกฤต์เรียกรถโบลท์อีกครั้ง โชเฟอร์คันเดิมที่อยู่ใกล้สุดจึงวนรถกลับมารับอีกครั้ง คราวนี้เหมาให้ไปส่งที่ตรงข้ามค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งจุดนั้นเป็นที่พักของชาวเมียนมาร์นับพันคน จากนั้นได้ทิ้งโทรศัพท์พร้อมซิมการ์ดไว้ที่นั่น เพราะรู้ว่าตำรวจติดตามตัวคนร้ายจากโทรศัพท์ คิดว่าถ้าใครเก็บโทรศัพท์เครื่องนั้นไปได้ ตำรวจต้องตามคนๆนั้นไป จากนั้นได้เรียกรถโบลท์อีกครั้งให้ไปส่งที่บ้านพัก อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แล้วใช้หัวเป่าหลอมสร้อยทองหนัก5บาทให้เป็นก้อน จำนวน2เส้น จากนั้นนำไปขายที่ร้านทองที่เคยซื้อขายกัน เพราะแต่ก่อนนายจักรกฤต์เป็นคนมีเงิน จึงถือเป็นเรื่องปกติ ที่ร้านทองภายในห้างโลตัส อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้เงินมา140,000บาท จากนั้นได้โทรศัพท์เรียกรถโบลท์แท็กซี่อีกครั้ง ให้ไปส่งที่สนามบินดอนเมือง ขึ้นเครื่องบินไปลงที่จ.กระบี่ แล้วเมารถให้ไปส่งที่รีสอร์ทดังกล่าว เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเกาะสอง แระเทศเมียนมาร์ แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว 

  จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหานี้เคยถูกจับกุมคดีลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง ของ สภ.กระทุ่มแบน เมื่อปี 2563 ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 10 เดือน 15 วัน ซึ่งพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 28 พ.ค.64  

ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม นำตัวนายจักรกฤต์ ไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงจะหลบหนี