"อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ." จับมืออดีตปปช.-อดีตผู้ว่าสตง.ผนึกสมาคมสื่อฯลุยโครงการคอรัปชั่นเทคขจัดทุจริตแนวใหม่
GH News March 30, 2025 09:07 PM

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์(FKII Thailand) ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวภายหลังบรรยายเรื่อง"คอรัปชั่นเทค Corruption Tech โครงการเอไอ.ใยแมงมุมThe AI Spider Project :แนวทางใหม่ในการตรวจสอบและปราบปรามทุจริต"ว่า ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป.ป.ช.และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาสอดีต ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ดร.พงษ์ หรดาล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และดร.โรจนศักดิ์ แสงธศิริวิไล. นายกสมาคมเครือฝ่ายผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนนาชาติซึ่งเป็นวิทยากรในโครงการฝึกอบรมสื่อมวลชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือครั้งนี้เห็นด้วยและสนับสนุนโครงการคอรัปชั่นเทคเพื่อขจัดทุจริตแนวใหม่โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และขอให้เร่งพัฒนาระบบเพื่อจะทดสอบระบบ"เอไอ.สไปเดอร์"ในโครงการฝึกอบรมฯลฯ.ครั้งต่อไปที่ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ปลายเดือนเมษายนที่จะถึงนีั"

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร บรรยายไว้อย่างน่าสนใจว่า "…จากผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การ ทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI)ขององค์กรเพื่อความ โปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ประจำปี 2567 จากจำนวนประเทศ 180 ประเทศ ประเทศไทย ได้ 34 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 ของโลกและหล่นจากอันดับ4เป็นอันดับที่ 5 ของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งคะแนน34คะแนนในปี2567 ถือเป็นคะแนนต่ำสุดในรอบ 13ปี(ปี2555-2567)ประการสำคัญคือประเทศไทยได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของโลกมาโดยตลอดซึ่งหากพิจารณาย้อนไป10ปีจะพบว่า การแก้ปัญหาคอรัปชั่นไม่กระเตื้องขึ้นมีแต่ถดถอยลงดัชนีรับรู้การทุจริตตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี2567พบว่าคะแนนและอันดับลดลงต่อเนื่อง กล่าวคือในปี2555ได้คะแนน37อันดับ88ของโลก ปี2567 ได้คะแนน 34 อันดับ 107 สะท้อนความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของประเทศถดถอยในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริตเป็นการประเมินจากแหล่งข้อมูล 9 สถาบันได้แก่IMD WEF BF(TI) PRS V-DEM PERC WJC EIC โดยตัวชี้วัดจากข้อมูล 7 ด้าน 1.เจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ2.มีอำนาจ หรือตำแหน่งทางการเมือง มีการทุจริตโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ และระบบเครือญาติ และภาคการเมืองกับภาคธุรกิจ มีความสัมพันธ์กัน3.การทุจริตในภาครัฐ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการเกี่ยวกับสินบน การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับส่วนรวม4.การติดสินบนและการทุจริต5.ภาคธุรกิจต้องจ่ายเงินสินบนในกระบวนการต่าง ๆ6.ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ7.ระดับการรับรู้ว่าการทุจริต

สำหรับประเทศไทยสถานการณ์ปัญหาคอรัปชั่นอยู่ในขั้นวิกฤตเหมือนมะเร็งร้ายระยะสุดท้ายกำลังทำลายศักยภาพของประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคตจึงต้องใช้แนวทางใหม่ในการตรวจสอบปราบปรามทุจริตภาครัฐ-ภาคเอกชนนั่นคือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เรียกว่า"คอรัปชั่นเทค Corruption Tech ภายใต้โครงการThe AI Spider Project(TSP)ทำหน้าที่เสมือนไฟฉายและใยแมงมุมในยุคดิจิตอลแพลตฟอร์มและเอไอ.ซึ่งจะเป็นparadigmใหม่ที่จะเอาชนะสงครามปราบปรามการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง

ทั้งนี้มีตัวอย่างการใช้คอรัปชั่นเทค(Corruption Tech)ปราบปรามการทุจริตในต่างประเทศ

1. ยูเครน: ระบบ ProZorro (AI + Blockchain) ระบบ e-Procurementที่ใช้ AI + Blockchainเพื่อตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล AI วิเคราะห์รูปแบบการเสนอราคาเพื่อตรวจจับการทุจริต เช่น ผู้เสนอราคาร่วมกัน (Bid Rigging) → AI ตรวจสอบรูปแบบการเสนอราคาที่คล้ายกันเกินไป โครงการที่มีราคาสูงเกินจริง → เปรียบเทียบกับราคาตลาดและโครงการอื่นๆ ผลลัพธ์ ลดการทุจริตในโครงการรัฐได้ 20-30% และประหยัดงบประมาณได้หลายล้านดอลลาร์

2. เกาหลีใต้: AI ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ระบบ AI ตรวจจับการเบิกจ่ายเงินผิดปกติในโครงการของรัฐ ตัวอย่างการทำงาน โครงการก่อสร้างโรงเรียน แต่ไม่มีหลักฐานภาพถ่ายความคืบหน้า AI เชื่อมกับภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อยืนยัน การเบิกค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน วิเคราะห์ข้อมูลการเบิกจ่ายในระบบคลาวด์ ผลลัพธ์ ลดการทุจริตในระบบราชการได้ 15-25%

3. อินเดีย: AI ตรวจสอบการทุจริตในโครงการสวัสดิการ ระบบ Aadhaar + AI ตรวจสอบการฉ้อโกงในโครงการช่วยเหลือสังคม ตัวอย่าง การจ่ายเงินซ้ำซ้อน AI วิเคราะห์ข้อมูล biometric (ลายนิ้วมือ/ม่านตา) เพื่อป้องกันการรับเงินซ้ำ ผู้รับผลประโยชน์ปลอม ใช้ Facial Recognition AI ยืนยันตัวตน ผลลัพธ์ ประหยัดงบประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ จากการตัดชื่อผู้รับปลอมออก

4. สหรัฐอเมริกา:AI วิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินของนักการเมืองระบบ AI ติดตามการโอนเงินที่น่าสงสัยของนักการเมืองและข้าราชการ ตัวอย่างการโอนเงินก้อนใหญ่ไปต่างประเทศAI ตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเครือข่ายทุจริต บัญชีลับที่เชื่อมโยงกับผู้รับเหมา ใช้ **Graph AI** วิเคราะห์เครือข่ายความสัมพันธ์ ผลลัพธ์**เปิดเผยคดีทุจริตหลายคดี เช่น การรับสินบนในโครงการก่อสร้าง

5. บราซิลAI วิเคราะห์เอกสารปลอมในโครงการรัฐระบบ AI (OCR + NLP)ตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง ตัวอย่างใบเสนอราคาปลอม → AI เปรียบเทียบลายเซ็นและรูปแบบเอกสารกับฐานข้อมูล โครงการหลอกลวง วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อมูลในเอกสาร ผลลัพธ์ยกเลิกโครงการทุจริตมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์

6. สิงคโปร์AI ตรวจสอบ Conflict of Interestระบบวิเคราะห์ความขัดแย้งของผลประโยชน์ในภาครัฐและเอกชน ตัวอย่างนักการเมืองมีหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทาน AI เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนบริษัทและบัญชีทรัพย์สิน ข้าราชการร่วมกับญาติแสวงประโยชน์ในโครงการรัฐ ใช้ Network Analysis AIผลลัพธ์เพิ่มความน่าเชื่อถือในการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ

7.จีน:ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ดำเนินนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2012 โดยมีแนวทางการปราบปรามคอร์รัปชันของจีนทั้งแบบอนาล็อคและดิจิตอล

1. นโยบาย "ฆ่าเสือ ตีแมลงวัน" "เสือ" หมายถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง ส่วน "แมลงวัน" คือข้าราชการระดับล่าง นโยบายนี้มุ่งปราบปรามการทุจริตทุกระดับ โดยเฉพาะในภาคการเงินและพลังงาน ปี 2024 มีการลงโทษเจ้าหน้าที่และประชาชนรวม 589,000 คน ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีหรือเทียบเท่า 53 คน 2. ระบบ "ไม่กล้า-ไม่สามารถ-ไม่อยากทุจริต"ไม่กล้า : ใช้มาตรการลงโทษรุนแรง เช่น ประหารชีวิตในคดีทุจริตขนาดใหญ่ ไม่สามารถ : ปรับปรุงระบบตรวจสอบ เช่น การตรวจสอบงบประมาณแบบ Real-time Audit ไม่อยาก : สร้างจิตสำนึกผ่านการศึกษาและประชาสัมพันธ์ 3. การปฏิรูปหน่วยงานตรวจสอบCCDI (คณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัยพรรค) มีอำนาจสืบสวนเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ในปี 2023 ตรวจสอบเจ้าหน้าที่อาวุโส 58 คน และลงโทษเจ้าหน้าที่ 4.7 ล้านคนในรอบ 10 ปี จีนยังพัฒนาระบบ "บัญชีดำผู้ติดสินบน" เพื่อติดตามและลงโทษผู้เกี่ยวข้อง 4. การใช้สื่อและวัฒนธรรมประชาสัมพันธ์ผลิตสารคดี *Always on the Road* และละคร *In the Name of People* เพื่อเปิดโปงกรณีทุจริตจริงและสร้างจิตสำนึกสาธารณะ 5. การปราบปรามแบบค่อยเป็นค่อยไปแบ่งขั้นตอนการจัดการเป็น 4 ระดับ ตั้งแต่การตักเตือนจนถึงลงโทษทางกฎหมาย โดย 90% ของคดีเริ่มจากการเตือนและลงโทษทางวินัย

การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยต้องอาศัยการบูรณาการหลายมิติ ทั้งการปฏิรูประบบราชการ การส่งเสริมความโปร่งใส การมีส่วนร่วมของประชาชน และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ภายใต้ 5 แนวทาง1. การเสริมสร้างธรรมาภิบาล (Good Governance)2.การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม3.การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม4.การสร้างวัฒนธรรมความซื่อสัตย์5.การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Corruption Tech ภายใต้โครงการThe AI Spider Project(TSP)การป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉ้อราษฎรบังหลวงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกัน ทุกภาคส่วนจึงต้องผนึกความร่วมมือในการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

สถาบันเอฟเคไอไอ.กำลังพัฒนาคอรัปชั่นเทคเป็นแนวทางใหม่ในการขจัดทุจริตด้วยแพลตฟอร์มดิจิตอลและเทคโนโลยีAiภายใต้โครงการเอไอ.ใยแมงมุม(The AI Spider Project)เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและปราบปรามทุจริตภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับโมเดลThe AI Spider project เฟสที่1 ประกอบด้วย1. แพลตฟอร์มทราฟฟี ฟองดู (Traffy Fondue )พัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลเปิดTraffy Fondue เพื่อให้ประชาชนช่วยตรวจสอบจะเป็นกลไกหลักของโครงการ2.เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI :Artificial intelligence)วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้าง เช่น ระบบ e-GP 3. สมองของเอไอ.ในการเรียนรู้(Machine Learning)สร้างระบบเตือนภัยการทุจริต (Early Warning System)โดยใช้ Machine Learning 4.เปิดกว้างสร้างเครือข่ายผู้แจ้งเบาะแส(Whistleblower)5.เชื่อมโยง ปปช. ปปท. สตง. รัฐสภา สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง เครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่น 76 จังหวัด กทม. อปท. หน่วยงานอื่น

การขับเคลื่อนโครงการใยแมงมุม ระยะที่ 1 1.เปิดใช้แพลตฟอร์มThe AI Spider Projectเป็นทางการภายในเดือนพฤษภาคม 25682. ใช้Corruption Techตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะหน่วยงานเสี่ยง 3.พัฒนาระบบ Open Data + AIอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนและสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ 4.สร้างความร่วมมือกับ Tech Startupในการพัฒนา AI Anti-Corruption Tools 5.ผลักดันนโยบายดิจิตอลภาครัฐให้เชื่อมโยงข้อมูลและใช้Corruption Techในการตรวจสอบและป้องกันปราบปรามการคอรัปชั่นในประเทศไทย

การใช้Corruption Technologyต่อต้านคอร์รัปชันต้องทำควบคู่กับการปฏิรูประบบราชการและส่งเสริมวัฒนธรรมความโปร่งใส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน หากทำได้อย่างจริงจังต่อเนื่องจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขจัดทุจริตและเพิ่มความน่าเชื่อถือ(Trust)ให้ประเทศไทย

แนวทางเหล่านี้ต้องดำเนินการควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้าง "ระบบนิเวศต่อต้านคอร์รัปชัน" ที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ทั้งนี้ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการยกระดับจิตสำนึกสาธารณะและความมุ่งมั่นทางการเมืองในการปฏิรูปอย่างแท้จริง…."

หมายเหตุ:โครงการ"อบรมสื่อมวลชนและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสื่อ.."จัดโดยสมาคมเครือข่ายผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนนานาชาติภายใต้การสนับสนุนจากกองทุน ป.ป.ช.

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.