ศาลจำคุก สิระ เจนจาคะ 1 ปี ไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิ์ 20 ปี ลงสมัครส.ส.ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ
GH News March 31, 2025 01:21 PM

ศาลจำคุก สิระ เจนจาคะ 1 ปี ไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิ์ 20 ปี ลงสมัครส.ส.ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ.3200/2566ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลยฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา4,42(12),151พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 9 (5) ,24,25 และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลย 20 ปีด้วย

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2562 จำเลยได้บังอาจลงลายมือชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต 9 กทม.โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็น สส. อันเป็นลักษณะต้องห้าม เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ให้จำคุก 4 เดือนฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขดำอ 812/2538 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2218/2538 ลงวันที่ 21 พ.ย.2538

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้นายสิระเดินทางมาเข้าฟังการพิพากษาในเวลา 09.00 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว

ต่อมาที่ห้องพิจารณา 903 ศาลพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศให้ผู้ประสงค์เข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ถึง 8 กุมภาพันธ์ 62 โดยในเขตเลือกตั้งที่ 9 และมีประการประกาศรับสมัครที่อาคารกีฬาเวช 2 จำเลยได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 9 พรรคพลังประชารัฐต่อมาจำเลยได้รับเลือกตั้งต่อมาวันที่ 17 ธ.ค.2563 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยนั้นสิ้นสุดลงหรือไม่เนื่องจากปรากฏว่าจำเลยมีคุณสมบัติขาดคุณสมบัติรองรับสมัครการเลือกตั้งเนื่องจากต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันในคดีทุจริตเกี่ยวกับทรัพย์เป็นเวลา 4 เดือนต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 62 การกระทำของจำเลยเป็นการเป็นการฝ่าฝืนการเลือกตั้งโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ทำการไต่สวนโดยให้เพิกถอนจำเลยและดำเนินคดีอาญากับจำเลยเนื่องจากเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติลงรับสมัครการเลือกตั้ง

ศาลเห็นว่าคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานหลักฐานพบว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ต่อศาลแขวงปทุมวันว่าคดีที่พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อนายสิระในข้อหาฐานฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิด 2 กระทงจำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 8 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 4 เดือน ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาคดีถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันจำเลยจึงเป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้งส.ส.

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่าจำเลยรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามในการลงรับสมัครการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ยังลงรับสมัครเลือกตั้ง เห็นว่าจะพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือเพียงพอส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทย์ได้เชื่อว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติรับสมัครการเลือกตั้ง เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญการรับสมัครเลือกตั้งส.ส. พ.ศ 2561 มาตรา 4,42 (12),151 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปีและให้เพิกถอนสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง 20 ปีนับตั้งแต่วันมีคำพิพากษา

ต่อมาทนายความของนายสิระ ได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลเพื่อขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.