ภายหลังจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ที่มัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ถึง 7.7 ริกเตอร์ ส่งผลให้ประเทศไทย ได้รับผลกระทบ รวมถึงรับรู้แรงสั่นสะเทือน จนได้รับผลกระทบต่อร่างกาย อาคาร และหนักสุดคือมีเหตุตึกถล่ม
วันนี้ (31 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงสายที่ผ่านมาได้รับแจ้งเหตุสั่นไหวในพื้นที่อาคารราชการที่ทำการภายใต้การทำงานของรัฐบาล เกิดอาคารเกิดเอียง และมีเสียงลั่นภายใน จนเกิดความเสียหาย จึงประกาศให้พนักงานอพยพออกจากพื้นที่และให้กลับบ้านในทันที
สำหรับอาคารที่ได้รับรายงาน ดังนี้
ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าจากสถานการณ์พบการสั่นไหวในตึกสูง หลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ วันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาขอแจ้งว่า ในวันที่ 31 มี.ค. 68 After shock ที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวที่เมียนมาร์ มีขนาดเล็ก ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตนได้มอบนโยบายให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารสำนักงานทุกแห่งในสังกัดของกระทรวงการคลัง หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยอาคาร 150 ปี ของกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กรมบัญชีกลางและกรมธนารักษ์ ตัวอาคารมีความแข็งแรง และปลอดภัยดี
ส่วนหน่วยงานที่อยู่นอกพื้นที่กระทรวง ได้แก่ กรมสรรพากร จากการตรวจสอบของกรมโยธา เมื่อวันที่ 30 มี.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ยังมีเหตุการณ์อาฟเตอร์ช็อกจึงไม่สามารถเข้าตรวจสอบความปลอดภัยได้ โดยทางทีมกรมโยธาจะเข้าตรวจสอบตึกใหม่อีกครั้ง จึงมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรปฏิบัติงานที่บ้าน หรือ Work From Home
ขณะที่กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ได้ตรวจสอบแล้วและมีความปลอดภัย รวมถึงส่วนงานต่างจังหวัดในสังกัดกระทรวงการคลัง ก็ให้เปิดบริการตามปกติ
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตนได้สั่งให้พนักงานลงจากอาคารสำนักงาน เพื่อควรปลอดภัย รวมถึงตัวเองด้วยที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่ชั้น 21 แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไป ตนขอให้พนักงานปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เพราะมีลูกค้าและประชาชนติดต่อกับธนาคารจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ติดตามอย่างใกล้ชิด และหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็จะดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและประชาชนเป็นหลัก
นอกจากนี้ แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 10.38 น. ของวันที่ 31 มี.ค.68 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สำนักงานใหญ่ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่ชั้น 17 ของอาคาร 2 สำนักงานใหญ่ จึงได้ประกาศใช้แผนฉุกเฉินทางธุรกิจ (ERP) กรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว
จึงได้ทำการอพยพลูกค้าและพนักงานธนาคารลงมายังจุดรวมพลด้านนอกทั้งหมด ตามขั้นตอนอย่างปลอดภัย โดย ธอส. ให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้าและพนักงานทุกท่าน ทั้งนี้ ธอส. อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์เพื่อประกาศให้ลูกค้าและพนักงานได้ทราบต่อไป
ด้าน กรมสรรพากร แจ้งว่าตามที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว กรมสรรพากรได้ให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างอาคารและลิฟต์ขนส่งเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ กรมสรรพากรจึงให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง Work From Home เป็นการชั่วคราว
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ (ธพส.) กล่าวว่า ศูนย์ราชการอาคาร A B และ C ยังมีความมั่นคงและแข็งแรง ตัวอาคารไม่ได้เกิดการทรุดแต่อย่างใด ภาพข่าวที่ออกมาจึงเป็นข่าวลือ ส่วนรอยร้าวของตัวอาคาร ยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นวิบัติ สามารถซ่อมแซมและปรับปรุงได้
สอดคล้องกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยว่า ปภ.ได้ตรวจสอบข้อมูลกรณีอาคาร A ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะสั่นไหว และได้นำคนออกจากอาคารโดยด่วน ปภ.ประสานข้อมูลกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อกแต่อย่างใด ล่าสุดเวลา 10.05. น. ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อก ขนาด 3.7 ศูนย์กลางประเทศเมียนมา ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ที่เป็นผู้ดูแลอาคารได้เข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารแล้วมีความปลอดภัย ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจและสามารถกลับเข้าอาคารได้แล้ว
ประกาศ ธนาคารออมสิน ยืนยันความปลอดภัยอาคารสำนักงานใหญ่ ภายหลังเหตุแผ่นดินไหว
ผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการพบว่า “อาคารสำนักงานของธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ รวมทั้งหมด 17 อาคาร ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยในการใช้งาน” และไม่มีความเสียหายที่ส่งผลต่อความมั่นคงอาคารแต่อย่างใด
“ไม่พบการล้มดิ่งหรือเอียงตัวของอาคาร”
อย่างไรก็ดีธนาคารมีความห่วงใยต่อขวัญและกำลังใจของพนักงานและลูกจ้างที่ปฎิบัติงาน จึงได้ประกาศมาตรการ Work From Home สำหรับผู้ปฎิบัติงาน ณ สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. – 4 เม.ย. 2568 พร้อมทั้งมีมาตรการเยียวยาสำหรับพนักงานและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
สำหรับธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และGSB Contact Center โทร. 1115 เปิดให้บริการตามปกติ