ต่าย เพ็ญพักตร์ ไม่เข้าใจทำไม บ้านเราไม่มีแจ้งเตือนแผ่นดินไหว วอนผู้เกี่ยวข้องสำนึก อย่าวัวหายล้อมคอก เผยวิธีรับมือเตรียมถุงยังชีพติดตัว
หลังเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตเหมือนกับหลายคน สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ ต่าย เพ็ญพักตร์ เล่าเหตุการณ์โคมไฟที่บ้านสั่นหนักมาก ยอมรับกลัวและตกใจ แต่ต้องตั้งสติไว้ โดยล่าสุดวันที่ 31 มี.ค. 68 ต่าย ได้ให้สัมภาษณ์หลังมาร่วมงานบวงสรวงภาพยนตร์ไทยเรื่อง โทรฆาต ณ ลานพระพิฆเนศวร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น แปลกใจทำไมบ้านเราไม่มี SMS แจ้งเตือนเหมือนกับต่างประเทศ ซึ่งตนเคยไปเที่ยวประเทศเกาหลีมีระบบแจ้งเตือนถี่มาก พร้อมเผยวิธีเฝ้าระวังเตรียมถุงยังชีพไว้พร้อมรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ
“ย้อนไปเหตุการณ์วันที่ 28 พี่อยู่บ้าน ทานข้าวเสร็จ ทำไมรู้สึกเวียนหัว หันไปถามน้องที่มาหา เขาก็บอกเวียนหัวเหมือนกัน เหลือบตาไปมองโคมไฟกลางบ้านกำลังสั่น แผ่นดินไหว ก้มเกาะโต๊ะแล้วถ่ายวิดีโอเก็บไว้ นั่งอยู่ตรงนั้นนานอยู่ ก็งงอยู่แล้ว แต่เราไม่คิดว่าเราจะเจอแผ่นดินไหวในประเทศไทยในช่วงชีวิตของเรา เป็นครั้งแรกเลย โคมไฟบ้านพี่สั่นหนักมาก ตกใจแต่ต้องมีสติ นิ่ง พยายามฟังเสียงของในบ้านจะร่วงมั้ย จะมีเสียงร้าวมั้ย จนผ่านไปสักพักไม่ได้ยินเสียงก็ไม่มีอะไร บ้านพี่ไม่ได้รับผลกระทบ โชคดีที่โครงสร้างบ้านเมื่อ 30 ปีที่แล้วแข็งแรงแน่นหนาแน่นอน”
“ตอนแรกกลัว แต่สักพักก็ตั้งสติ บอกตัวเองถ้าจะตายมันก็ต้องตาย เราไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าเกิดมันจะถล่มไปก็คือตาย ตอนแรกเรากลัว พอ 10 วินาทีผ่านไปรู้ว่าแผ่นดินไหว ตั้งสติ ไม่วิ่งออกจากบ้านตัวเองด้วยนะ เพราะว่าพี่อยู่ชั้นล่าง ไม่ได้อยู่ชั้นสอง ความสั่นสะเทือนมันไม่ได้เยอะมาก บอกตัวเองว่าถ้าจะตายก็ตาย เราไม่สามารถทำอะไรได้ จะยุบลงไปก็คือยุบ คือตาย เราเอง และสัตว์เลี้ยงในบ้าน และแม่บ้านแค่นั้นเอง”
“คือพี่อยู่เชียงใหม่ตั้งแต่เด็กเราอาจจะเคยเจอแต่จำไม่ได้แล้ว แต่มันคงไม่ได้หนักขนาดนี้ พี่ว่าการรับมือตอนนี้ทางที่ดีที่สุดเราต้องมีถุงยังชีพไว้ที่รถหนึ่ง แล้วก็ไว้ที่บ้านหนึ่ง เวลาเกิดเหตุขึ้นพร้อมคว้า หลังเกิดเหตุพี่ไม่มีความระแวงอะไร ยังนอนหลับสบาย เพียงแต่ว่าไม่ควรจะชะล่าใจในสิ่งที่มันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะว่าครั้งนี้มันเป็นสิ่งแรงที่สุดใหญ่ที่สุดตามที่ผู้เชี่ยวชาญเขาว่ากัน มันจะต้องมีตามมาอีก เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเอง เวลาออกกองต้องมีกระเป๋าเป้ยังชีพ อย่าคิดว่ามันเป็นอะไรเล่นๆ มันอาจจะเป็นภาระเรานิดนึง มันอาจจะหนัก แต่เราต้องเตรียม ประชาชนทุกคนตอนนี้จะต้องคิดแบบนี้เหมือนกันต้องเตรียมพร้อม”
“ญาติที่เชียงใหม่ก็ได้รับผลกระทบ แต่เขาก็รับมือกับสถานการณ์นั้นได้ ถ้าอยู่ในแถบนอกอาจจะหนัก แต่ถ้าในตัวเมืองไม่เท่าไหร่”
“การเฝ้าระวัง หนึ่งต้องมีการเตือนเอสเอ็มเอส ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมประเทศเราไม่มี อาจจะเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ไม่มีการเตือนอะไรเลย เราไปเกาหลี ไปญี่ปุ่น เสียงเตือนปิ๊บๆ จนเรารำคาญอ่ะ แต่ประเทศเราไม่มีเลย ทำไม ไม่เข้าใจ มันควรจะมี แต่ประเทศเราชอบแบบนี้แหละ วัวหายแล้วล้อมคอก เดี๋ยวอาจจะมีก็ได้ พี่ว่าที่ทุกคนได้รับการแจ้งเตือนมาจากประชาชนกันเอง โซเชียลกันเองเร็วมาก ก็ต้องฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมี SMS แจ้งเตือน”
“บ้านเราควรจะมี ตอนที่เราไปเกาหลี เขามีแจ้งเตือนเรื่องฝุ่น ลม วันนี้อากาศเป็นอันตรายต่อร่างกายนะ เขาแจ้งเตือนหมด ประเทศเราขอแค่ไม่ต้องถี่เหมือนเขาก็ได้ ให้แจ้งเตือนสภาวะความร้อน ค่าฝุ่น ขอให้มีเหอะ ไม่ต้องถี่เหมือนเขาก็ได้ แต่เราก็ไม่รู้นะว่าจะได้มั้ยสิ่งที่เราขอ ก็ภาวนากันไป พี่ว่าครั้งนี้ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้รับผิดชอบเขาควรจะสำนึกว่ามันจะต้องมีอะไรปรับปรุงแก้ไขมั้ย”