“สว.ภิญญาพัชญ์” แนะ “รัฐบาล” ตั้งศูนย์บริหารแผ่นดินไหว รวมข้อมูลเป็นชุดเดียว ก่อนดึง “ท้องถิ่น” ช่วยกระจายต่อ เหตุใกล้ชิดกับประชาชนมากสุด เชื่อลดภาระและเวลา ชี้ข่าวปลอมมากจนคนไม่เชื่อถือแล้ว เตือนแม้ กทม.เสียหายหนักสุด แต่อย่าลืมต่างจังหวัด

เมื่อวันที่ 1 เมษายน น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน ส.ว.กล่าวถึงการรับมือแผ่นดินไหว ว่า สถานการณ์บานปลายไปมากแล้ว เกี่ยวกับการสื่อสารของรัฐบาลในภาวะวิกฤติ เพราะจากเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่มีข่าวว่าตึกสั่นไหว และมีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา จนคนพากันออกมานอกอาคารจำนวนมาก เกิดความโกลาหล ผ่านไประยะหนึ่งถึงได้มีประกาศออกมาจากกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี ว่า มีอาฟเตอร์ช็อกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือคนไม่เชื่อหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แม้ว่าหลังจากนั้น จะมี SMS ว่าปลอดภัยแล้ว แต่หลายคนยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก วิตกกังวล ไม่ยอมกลับเข้าอาคาร รวมถึงก่อนหน้านี้ก็มีการแชร์เฟกนิวส์กันเยอะ

“เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์โควิด ที่มีตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ มีการแถลงจากส่วนกลางชัดเจน ทำให้ข้อมูลไม่คลาดเคลื่อน ถ้ารัฐบาลมีบทบาทในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันท่วงที จะลดความหวาดกลัวของสังคมและประชาชนจะสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างเหมาะสม”น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่รอระบบ Cell Broadcast ที่จะเสร็จในเดือน กรกฎาคม ตนอยากให้รัฐบาลตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินไว้รวมข้อมูลเป็นชุดเดียวกันได้หรือไม่ เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน นอกจากนี้ ตนเล็งเห็นศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ดังนั้นหอกระจายข่าวประจำชุมชน เสียงตามสาย ถือว่ามีศักยภาพในการกระจายข่าวที่ถูกต้องจากส่วนกลางต่อ ควรจะมีการผลักดันในเรื่องนี้ได้หรือไม่ เพราะถือเป็นการลดภาระและเวลาของส่วนกลาง ขอย้ำว่าแผ่นดินไหวถึงแม้ กทม.จะเสียหายหนักสุด แต่รัฐบาลต้องไม่ลืมต่างจังหวัดด้วย มาตรการเยียวยาจะต้องมีให้พร้อมทุกพื้นที่