3 เม.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน พบคลิปวีดีโอในสื่อโซเชียล เกี่ยวกับพยาธิชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นเส้นมีสีขาวใส ความยาวประมาณ 5 ซม. ขยับตัวอยู่บนกระดาษชำระ ทราบว่าออกมาจากบริเวณใต้ขอบตาของผู้ป่วยรายหนึ่งใน จ.ระยอง ที่ได้ส่งคลิปมาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ จ.นครราชสีมา ให้ช่วยตรวจสอบ 

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปที่ เอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม เพื่อไปสอบถามถึงคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว โดย ผศ.ดร.ณัธคพัชฬ รัตนพิทูลย์ ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และผู้จัดการศูนย์การแพทย์เอฟเอ็มซี ผู้โพสต์คลิปเปิดเผยว่า

มีผู้ป่วยหญิงวัยกลางคน 1 ราย จากจังหวัดระยอง ได้ติดต่อสอบถามมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ 2567 เกี่ยวกับอาการ คันและเจ็บ บริเวณรอบดวงตา จึงได้แนะนำให้ไปตรวจกับแพทย์ในพื้นที่ วินิจฉัยว่าเป็นพยาธิตัวจี๊ด ได้ยาถ่ายพยาธิรับประทานประมาณ 21 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น จากนั้นช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคมได้ติดต่อสอบถามตนมาอีกครั้ง 

โดยอาการเคลื่อนจากบริเวณรอบดวงตามาอยู่ที่ใต้ตา มีลักษณะเป็นก้อนขนาด 1 เซนติเมตร จากนั้นตนจึงได้แนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน แพทย์ได้เจาะเลือดตรวจแต่ก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด ฉะนั้นจึงได้รับยาถ่ายพยาธิมารับประทานอีก ล่าสุดผู้ป่วยคนดังกล่าวได้ส่งคลิปวีดีโอมาให้ตรวจสอบ ด้วยความตกใจนอกจากบริเวณก้อนเนื้อได้มีแผลปูดออกมา จากนั้นมีตัวพยาธิออกมาด้วย ผู้ป่วยจึงดึงออกมาดูมีความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นเส้นใสสีขาว จึงได้ถ่ายคลิปแล้วส่งให้ตรวจสอบ 

จากการตรวจสอบพบเป็นพยาธิกลุ่มเดียวกันกับพยาธิหนอนหัวใจสุนัข หรือ Dirofilaria repens เป็นพยาธิตัวกลมที่พบในสุนัข แมว และสัตว์ป่าในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ยุงเป็นพาหะนำเชื้อสู่มนุษย์ ซึ่งเป็นโฮสต์โดยบังเอิญ พยาธิชนิดนี้ไม่สามารถเจริญเติบโตเต็มวัยในร่างกายมนุษย์ แต่สามารถทำให้เกิด Dirofilariasis หรือเรียกว่าโรค Dirofilariasis 

ในคนที่เลี้ยงหมาแมวต้องระวัง ซึ่งแสดงอาการเป็นก้อนใต้ผิวหนังหรือก้อนในดวงตา การติดเชื้อในมนุษย์มักพบเป็น ก้อนเคลื่อนที่ใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Nodule) หรือก้อนพยาธิในตา (Ocular Dirofilariasis)อาการอาจรวมถึงอาการคัน ตาแดง ระคายเคือง หรือบวมบริเวณที่ติดเชื้อ การวินิจฉัยทำได้โดยตรวจชิ้นเนื้อหรืออัลตราซาวด์ สำหรับการรักษาหลักคือการผ่าตัดนำก้อนพยาธิออก การป้องกันเน้นการควบคุมยุง และให้สัตว์เลี้ยงกินยาป้องกันพยาธิหนอนหัวใจเป็นประจำ 
 

ซึ่งอาการเช่นนี้ถือว่าพบน้อยมาก ในประเทศไทยที่เคยมีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และมีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร รายแรกเมื่อปีพ.ศ 2564 ซึ่งเป็นผู้ป่วยหญิงชราที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนกรณีนี้ถือว่าเป็นผู้ป่วยรายล่าสุดซึ่งพบได้น้อยมาก ส่วนอาการล่าสุดของผู้ป่วยหญิงรายนี้ พบว่าก้อนเนื้อพยาธิได้เคลื่อนมาอยู่บริเวณแก้ม โดยผู้ป่วยกำลังเข้ารับการรักษาจากแพทย์ในพื้นที่ เพื่อนำพยาธิหนอนหัวใจออก