ได้เห็นฟอร์มนัดแรกกับไปแล้ว สำหรับเจ้าหนูรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีของไทย ชุดความหวังไปเล่นฟุตบอลโลก

ต้องยอมรับว่าเป็นฟอร์มที่ไม่ดี และผลการแข่งขัน ที่แพ้ อุซเบกิสถาน 1-4 ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ

ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เรามองด้วยสายตา “แฟนบอลไทย” ว่า ถ้าจะมีลุ้นเข้ารอบ ติด 1 ใน 2 ของกลุ่ม และได้ไปบอลโลก เราจะต้องลุ้นกับ อุซเบกิสถาน และเกมเปิดสนามนัดนี้ อาจจะชี้เป็นชี้ตายได้เลย

แต่ถ้ามองด้วย “สายตาคนนอก” เขาจะคิดว่า เราคือทีมที่อ่อนที่สุดของกลุ่ม

ถ้าอยากเข้ารอบ เพื่อนร่วมกลุ่มเรา ทั้งอุซเบฯ, ซาอุดีอาระเบีย และจีน จะต้องชนะเราให้ได้

มันจึงสะท้อนความจริงได้ดีว่าข่าวที่ถูกโหมกระหน่ำในบ้านเราว่า “เรามีลุ้น” นั้น จริงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่ หรือต่อให้มีลุ้น ก็มีลุ้นน้อยที่สุดในกลุ่ม

ที่แฟนบอลตั้งความหวังกันสูงนั้น เป็นเพราะระบบการแข่งขันที่ให้โควต้าทีมเข้ารอบเพิ่มขึ้นเป็น 8 จาก 16 เท่านั้น

เราไม่ได้หวังสูง เพราะศักยภาพเราสูง หรือ เรามีทีมที่ดีพอจะเข้ารอบ แต่อย่างใด

และมันก็แสดงออกมาชัดเจนในเกมแรก ที่เราเป็นรอง อุซเบกิสถาน แบบสุดกู่ ชนิดที่ ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจกัน ก็ต้องบอกว่า “บอลคนละชั้น”

เราอาจจะรู้จัก เด็กอุซเบฯ ชุดนี้เพียงน้อยนิด แต่ขึ้นชื่อว่า อุซเบฯ ก็การันตีดีกรีความสามารถได้ระดับหนึ่ง ทีมชาติชุดใหญ่ของพวกเขากำลังจะได้ไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรก ด้วยซ้ำ

ฟุตบอลของพวกเขาจึงล้ำหน้าเราอยู่หลายช่วงตัวทั้ง นักฟุตบอล, การเตรียมพร้อม, สภาพทีม, ประสบการณ์ พวกเขาเหนือกว่าเราหมด

ทางเดียวที่เราจะได้ผลการแข่งขันที่ต้องการก็คือ “วิธีการที่ดี”

เมื่อความสามารถเป็นรอง เราต้องหา “วิธีเล่น” ที่จะทำให้เราเป็นต่อ แบบที่เราเคยเห็นทีมที่เป็นรองพลิกชนะทีมที่เหนือกว่ามาแล้วหลายครั้ง

นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ “มาสเซอร์เด็จ” จเด็ด มีลาภ เลือกเล่นแบบตั้งรับ แล้วสาดบอลไปข้างหน้า ใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเข้าทำ

ต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่ผิด และหลายต่อหลายทีมก็ทำ ตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือ ลิเวอร์พูล ที่กำลังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

หงส์แดง ไม่ได้ต่อบอลสวยงาม ครองบอลมากกว่าคู่แข่งทุกนัด แต่มีเกมโต้กลับที่อันตรายสุดๆจากพวกแนวรุกระดับโลก ทำให้ได้ประตูเป็นกอบเป็นกำ ขณะที่เกมรับก็เหนียวแน่น ไว้ใจได้

แต่การจะทำแบบนั้นได้ 1) คือเราต้องมีทรัพยากรในทีมที่พร้อม และ 2) คือเราต้องซ้อมกันมาอย่างหนัก

เรื่องทรัพยากรในทีม เรามีตัวที่พอจะฝากผีฝากไข้ในเกมรุกอย่าง ซิลวา เม็กเซส, ณัฐกิตติ์ โพธิ์ศรี, ชัยวัฒน์ เงินมา หรือ ศิวกร พลสรรค์ กองหน้าตัวเป้า ที่ทั้งใหญ่ และไปกับบอลได้

น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ “เจ้าปั๊บ” ปรเมศ ละอองดี หรือ “น้องหัวฟู” ที่แฟนบอลรู้จัก อีกหนึ่งตัวหลักของทีม เกิดเจ็บก่อนเกมนี้ ทำให้ลงไม่ได้ ทำให้เกมโต้ลดประสิทธิภาพลงไปเยอะ

แต่นั่นเป็นแค่ทรัพยากรในเกมรุก อย่าลืมว่า การเล่นแบบนี้จะเวิร์ค ต้องมีทรัพยากรเกมรับที่ยอดเยี่ยมด้วย ซึ่งต้องบอกว่า ทีมชุดนี้ เรายังไม่มีถึงขนาดนั้น การเลือกเล่นแบบปล่อยให้เขาบุกใส่ แล้วรอจังหวะโต้กลับ จึงเสี่ยงมาก

อีกประการสำคัญ และอาจสำคัญกว่า “ทรัพยากร” ก็คือ “การซ้อม”

มั่นใจว่า ในช่วงเก็บตัว ทีมงานสต๊าฟโค้ชจะต้องซ้อมแผนการเล่นแบบนี้แน่นอน แต่ไม่รู้ว่ามันคือ “แผนหลัก” ที่วางไว้ว่าจะใช้ในรายการนี้หรือเปล่า

เพราะตามธรรมชาติ และดูจากการจัดตัวของ “เซอร์เด็จ” ในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมานั้น เหมือนจะเล่นระบบ 4-4-2 มากกว่า

แต่พอผลอุ่นเครื่องออกมาไม่ดีนัก โดยเฉพาะเกมสุดท้ายที่แพ้ ญี่ปุ่น แบบเละเทะ จนทีมงานไม่กล้าบอกสกอร์ อาจทำให้สต๊าฟโค้ชเปลี่ยนมาใช้ 4-3-3 ในเกมกับ อุซเบกิสถาน

มันจึงดูลักลั่น ครองบอลกันไม่ได้ ต่อเกมกันไม่ติด มีรูรั่วทุกพื้นที่ จนโดนเจาะเข้ามาล่อเป้าครั้งแล้วครั้งเล่า

ความอันตรายเดียวที่มีก็คือ สาดบอลไปแดนหน้าให้ ซิลวา, ณัฐกิตติ์ และ ศิวกร ไปวัดเอา

ย้ำอีกครั้งว่า นี่คือไอเดียที่ไม่ผิด และถ้าจะว่าไป เราถือว่าทำได้ดีด้วยซ้ำในเกมโต้กลับนัด อุซเบฯ

แต่ถ้าจะเล่นแบบนี้ เราก็ต้องแน่วแน่ นาทีนี้ ต้องชัดแล้วว่าจะเอาแบบไหน ไม่เปลี่ยนไปมา จนนักเตะงง

เกมต่อไปกับ “เจ้าภาพ” ซาอุดีอาระเบีย ที่ถูกประเมินว่ามาตราฐานสูงกว่า อุซเบกิสถาน ด้วยซ้ำ แถมเล่นในบ้านด้วย สต๊าฟโค้ชของเราจึงต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะเล่นแบบไหน

นี่คือเกมสำคัญที่สุดแล้วของเราในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะถ้าแพ้ เราตกรอบทันที หมดโอกาสไปบอลโลก ที่กาตาร์ กลางปีนี้ แน่นอน อย่างแย่ที่สุด เราจึงต้องมีสัก 1 แต้มก็ยังดี

หวังว่าเราจะได้ ปรเมศ หายเจ็บกลับมาได้ และสต๊าฟโค้ชจะเก็บเอาบทเรียนจากนัดแรกไปวิเคราะห์หาจุดผิดพลาดมาแก้ไข ทำให้นักเตะมั่นใจ และงัดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้แบบเต็มศักยภาพ

ถ้าทำได้ เรายังมีความหวังครับ เพราะนี่คือ “ตัวท็อป” ในระดับเยาวชนของประเทศแล้ว แต่ละคนผ่านร้อนผ่านหนาว ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย ดีกรีไม่ธรรมดาทั้งนั้น ถ้าความมั่นใจกลับมา เชื่อว่ายังได้ลุ้น

ไหนยังมีอาวุธลับที่อันตรายอย่าง ซิลวา เม็กเซส ที่ฝากผีฝากไข้ได้อีกคน

ดังนั้น อย่าเพิ่งหมดหวังครับ บอกทั้งแฟนบอลทุกคน และโดยเฉพาะน้องๆนักเตะเอง

เราอาจจะผิดพลาดไปก่อน แต่มันยังไม่จบ ยังอยู่ระหว่างกระบวนการเท่านั้น ทุกอย่างยังเป็นไปได้

อย่ากลัว อย่าหมดกำลังใจ อย่าฟังเสียงรอบข้าง และอย่าคิดว่าเราทำไม่ได้

หนักแน่น มั่นใจ ใส่เต็มตัว สู้เต็มที่ในแนวทางของตัวเอง อะไรก็ยังเป็นไปได้.