‘ซีแนม AF’ อดีตคู่กรณี ‘ดิว อริสรา’ เคลียร์ปมดราม่าในอดีต ตอนนี้รู้สึกโล่ง ไม่มองเป็นเวรกรรม แต่คือผลการกระทำ
หลังจากที่นักร้อง/นักแสดง ซีแนม สุนทร หรือ ซีแนม AF ได้ออกมาโพสต์ในไอจีว่า “วันนี้ที่รอคอย… ตอนนั้นคนรุมด่าแนมทั้งประเทศ ไม่มีใครเชื่อแนม งานวงการถูกงดจ้าง หายหมด ไม่มีที่ยืน ชีวิตอมทุกข์มาหลายปี รักษาซึมเศร้ามาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ขออโหสิกรรมให้กับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” ซึ่งหลายคนก็โยงไปถึงนักแสดงสาว ดิว อริสรา ที่กำลังมีประเด็นดราม่าในขณะนี้ เพราะซีแนมเองก็เคยเป็นอดีตคู่กรณีของ ดิว อริสรา
ล่าสุด ซีแนมมาร่วมงาน กิจกรรม “FRIYAY ! NIGHT” ณ ชั้น 2 ร้าน BREWAVE ภายในดีไซน์วิลเลจ รัชดา ก็ได้อัพเดตชีวิตในตอนนี้ พร้อมเปิดใจถึงเรื่องราวดราม่าในอดีตว่า
อัพเดตชีวิตหน่อย?
“จริงๆ ถ้าเป็นงานในวงการบันเทิงก็ไม่ได้มีจริงๆ จังๆ อะไรขนาดนั้น แต่ก็จะมีแบบว่าไปอีเวนต์บ้างนิดหน่อย เพราะว่าเราก็ห่างหายไปจากวงการ เพราะก่อนหน้านี้ทำธุรกิจ ทำอะไรอย่างนี้ ช่วงนี้ก็จะมีงานร้องกลางคืนบ้าง แล้วก็จะมีงานคอนเสิร์ต เขาก็จะมีงาน บางทีรวมนักร้องการกุศล ก็นิดๆหน่อยๆ ยังไม่ได้มีอะไรจริงจังขนาดนั้น”
ยังไม่ได้ทิ้งงานร้องเพลง?
“จริงๆไม่ได้ทิ้งเลยค่ะ แต่อาจจะช่วงโควิด มีข่าวคราวโควิดด้วยอะไรด้วย งานมันก็น้อยลง แล้วก็ไม่ได้ทำงานในวงการเท่าไหร่แต่ถามว่าทิ้งการร้องเพลงไหมก็ไม่ได้ทิ้ง ตอนนี้เรามีช่องติ๊กต็อกของตัวเอง ร้องเพลงทุกวัน ทุกวันเลย เหมือนแบบว่าถึงแม้ว่าเราจะไม่มีงาน หรือไม่มีช่องทาง เราก็รู้สึกว่าเราร้องเพลงได้นะ ถ้าเรายังรักการร้องเพลง เราร้องเพลงให้คนดูได้ เขาก็มาฟังแนมร้องเพลงทุกวัน ให้ของขวัญสนับสนุนกันสนุกๆ”
ผันตัวเป็นติ๊กต็อกเกอร์?
“ใช่ ติ๊กต็อกเกอร์มือใหม่ เพิ่งเข้ามาหมาดๆ มือใหม่เลยค่ะ”
แต่เราก็ครบเครื่องนะ อุปกรณ์เต็มเลย?
“มาก ทุกคนบอกว่านี่เพิ่งมาเหรอ ใช่ แต่ว่าเราไม่เน้นคุณภาพ เน้นอุปกรณ์ (ยิ้ม) คือจริงๆ แนมอยู่ในโลกติ๊กต็อกนานแล้ว แต่เป็นผู้ดูไม่ได้เป็นผู้เล่น แล้วเหมือนเมื่อก่อนเราจิตใจเราไม่ได้แข็งแรงนู่นนี่นั่น ถ้าเราเล่นจะมีคนมาด่าอะไรหรือเปล่า เหมือนเรากลัว แต่พอมีคนบอกว่ามาเถอะ ลอง มันสนุกดี ก็เลยลองผันตัวมา แล้วพี่ๆ เพื่อนๆ ในวงการก็เริ่มมาทำกันเยอะเหมือนกัน ตอนนี้คือหาดาราไม่เจอดูได้ในติ๊กต็อก ถ้าเกิดไปดูช่องแนม แนมร้องเพลง เวลาโพสต์คู่กับดาราเต็มเลย คือเราเจอกันในติ๊กต็อกอย่างเดียว แนมก็เลยมาลองเปิดช่องติดต็อก แล้วมาลอง สรุปว่าสนุกค่ะ มันสนุกมากแต่แนมมือใหม่ จริงๆ คนอาจจะตามไม่เยอะ แต่ในทุกไลฟ์มันเริ่มเหมือนแบบอย่างอันดับแรกเลยคือแนมได้ร้องเพลงในสิ่งที่ตัวเองชอบ ร้องเพลงทุกวัน แล้วก็ได้เจอพี่ๆ แฟนคลับที่เคยเป็นแฟนคลับ เขาก็กลับเข้ามาดู หรือเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้จักแนมเลย อยู่ในติ๊กต็อกรู้จักเรา มันก็เลยเหมือนว่าทำให้ชีวิตแนนมีความสุขในทุกๆ วัน ในเรื่องของการร้องเพลงและการเป็นมุมเล็กๆในช่องตัวเอง”
คิดคอนเทนต์ทุกวันเลยไหม?
“ถูก ก็คืออย่างแนมอันดับแรกเลย ช่วงกลางวันแนมจะไลฟ์ไป 2 ช่วงอยู่แล้ว แม่ค้าขายต่างหูอะไรของแนมไป ให้เพื่อนๆ พี่ๆ อุดหนุน หรือเป็นคอนเทนต์แบบว่าพี่ๆ ช่วงนี้ชอบแนมแต่งหน้าแต่งตัวช่วงกลางวัน มันจะใส่อะไรไปเรื่อย คือต้องคิดอ่ะ หรือบางทีทำอาหารสุขภาพ พี่ๆ ก็รอดูอันนี้ คือจะเป็นไลฟ์สไตล์แบบ a day with me ในช่วงกลางวัน แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็คือแต่งองค์ทรงเครื่องครบ แล้วสวย และต้องเป๊ะแล้วใส่อินเอียร์ร้องเพลงพี่ๆ ก็จะลุ้นว่าแนมจะแต่งชุดอะไรขึ้นไลฟ์ เพราะกลางวันจะไม่เห็นแนม จะเห็นตอนกลางคืน (หัวเราะ)”
แล้วชอบคอนเทนต์ช่วงเวลาไหนมากกว่ากัน?
“กลางวันที่มาแบบหน้าสด มาแปะมาร์กหน้า คือกลางคืนแนมตั้งใจมากเลยนะ คือแนมต้องคิดเสื้อผ้า ต่างหู แต่งหน้าสวยขึ้นไลฟ์ให้คนดู 12 คน เราตั้งใจร้องเพลง 4 ชั่วโมง ตัดภาพไปที่ตอนกลางวัน หนูนั่งแบบผ้าคลุมเงือก หน้าสด มาร์กหน้าเมื่อเช้า 180 คน พี่ๆ ดูอะไรกัน พี่ๆ มาดูหนูร้องเพลงด้วย”
หรือจริงๆ ต้องหน้าสดร้องเพลง?
“เหรอ (หัวเราะ) ไม่หรอกหนูว่าติ๊กต็อกมันมีความสนุกที่ว่า พี่ๆ เขารักในความเรียล เรียลก็ได้อะไรก็ได้ เขาอาจจะชอบความสบายๆ แต่ตอนกลางคืนมันเหมือนแบบว่าทุกคนอาจจะคล้ายกันหมด เป็นฟีลร้องเพลง ดีเจมานั่งอัดๆๆอะไรอย่างนี้ เขาอาจจะเบื่อ แนมก็เลยสนุกกับกลางวัน ดูคอนเทนต์นี้ไป แล้วแนมเป็น AF มาก่อน เลยไม่ค่อยอายตัวเองหน้าสด เพราะว่าเขาบอกว่าเห็นน้องแนมล่าสุดแล้ว ไม่เป็นไร มันก็เลย สนุกดีเหมือนกันนะ ช่วงกลางวันก็คิด คอนเทนต์ไปอะไรไป”
แล้วรายได้หลักเรามาจากไหน?
“ติ๊กต็อก (หัวเราะ) คือแนมไม่ได้มีงานประจำข้างนอก มาจากติ๊กต็อกเลย คือแนมมีรายได้จากร้านออนไลน์ต่างหู เป็นนายหน้าอีก เพราะว่าพี่ๆ เข้ามาดูเยอะ ปักอันนั้นหน่อยสิ รีวิวอันนี้หน่อยสิ ไปซื้อโปรตีนตามอะไรตาม เราก็ได้ของเราไปก๊อกๆแก๊กๆ แล้วทุกคนรู้อยู่แล้วเวลาไลฟ์ก็คือเราจะได้มาจากของขวัญ เขาก็มาช่วยกันเปย์ ร้องเพลงไป 3 ชั่วโมงแล้วพี่ๆ มาช่วยหนูหน่อยอะไรอย่างนี้”
รายได้จากของขวัญจากติ๊กต็อก?
“ด้วย ก็สามทางอ่ะค่ะ (พอเหรอ?) พอ คือหมายถึงว่าถ้าเราไม่ได้มีงานอื่น เราไม่ได้มีเงินลงทุนที่จะไปทำธุรกิจอะไรมากมาย การลงทุนด้วยตัวของเรา ก็คือเรานั่งคิด คอนเทนต์ ร้องเพลง แล้วมันได้ มันก็โอเค”
อย่างธุรกิจของเรานอกจากร้านต่างหูมีอะไรอีกไหม?
“ตอนนี้ไม่มี เพราะว่าก่อนหน้านี้แนมทำร้านต่อขนตา 6 ปีหลังจากที่เกิดเรื่องกัน อันนี้คนละร้านนะ เป็นร้านตัวเอง แต่พอมันผ่านช่วงโควิดมา ธุรกิจมันเริ่มดรอปลง ปีที่แล้วแนมพึ่งเซ้งไป เพราะรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว กำไรก็ไม่ได้เยอะมากมาย เท่ากับค่าเช่าทองหล่อเป็นแสน มันไม่ไหว ก็เลยเซ้งไป ก็เลยพักงานประจำแบบธุรกิจได้จริงๆ 1 ปี แล้ว เมื่อก่อนไม่เคยทำออนไลน์เลย ก็คืออยู่แต่หน้าร้าน ทำธุรกิจ ทำอะไร ตอนนี้ก็คือเหมือนเป็นเด็กโซเชียลออนไลน์ ติ๊กต็อกเกอร์อะไรอย่างนี้”
รายได้มันลดลงไหม?
“คือถามว่าลด มันต้องลดอยู่แล้ว แต่แนมก็ไม่ได้มีรายจ่ายหลายแสนเหมือนสมัยก่อน แนมไม่มีพนักงานที่ต้องดูแล ถ้าเรารายรับน้อย เราต้องจ่ายค่าพนักงานก่อนนะ จ่ายค่าเช่าก่อนนะ แต่อันนี้มันเหมือนเรามีน้อย เราใช้น้อย คือแนมเป็นคนไม่ได้ใช้เงินเยอะอยู่แล้ว ไม่ได้ชอบช้อปปิ้ง แบรนด์เนมก็ไม่ได้ใช้ แนมก็เหมือนประมาณเราจ่ายค่าบ้าน ค่านี้ เราเหลือกำไรนิดๆ หน่อยๆ อยู่กับคุณแม่ 2 คน กินข้าว มันก็โอเค”
ฝากธุรกิจของเราหน่อย?
“วันนี้ขอบคุณ คืออย่างหลายคนถาม คือแนมไม่ได้ทำวงการ แต่แนมก็เข้าใจในมุมของแนม ว่าแนมอาจจะแบบหายไปแล้ว หรือไม่ได้ดัง ไม่ได้มีพื้นที่ ไม่ได้มีกระแส หรืออะไร แต่ถ้าเกิดพี่ๆ เข้ามาดูติ๊กต็อกแนม หรือพี่ๆ ในวงการเห็นว่าแนมยังมีความสามารถร้องเพลงได้ แสดงได้ เป็นพิธีกรได้ หนูครบเครื่องนะ พูดเก่งนะ หนูทำได้ทุกอย่าง ลองเข้ามาดูหน่อยในติ๊กต็อกก็ได้ แล้วก็สามารถจ้างงานได้ เพราะทุกวันนี้ก็สามารถติดตามแนมได้ที่ติ๊กต็อก @ladyznam เพราะแนมก็มีทั้งพิธีกร พูดไปเล่นตลกไป ทำคอนเทนต์ไป แต่งหน้าไป ร้องเพลงไปทุกวัน”
ขออนุญาตย้อนกลับไปเมื่อก่อน อย่างตอนนี้มีดราม่า มันมีผลกระทบต่อชีวิตเราตอนนี้ไหม?
“ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ ไม่มีเลย แต่ก่อนหน้านี้มี มันมีแหละ แนมจะไม่ลงดีเทลเยอะแล้วกัน เพราะไปออกรายการมาหมดแล้ว แต่ถามว่าก่อนหน้านี้มีไหม มีค่ะ เพราะ ณ วันนั้นเราอยู่ในแสง แล้วพอมันเกิดเรื่อง มันก็มีทุกอย่างประเดประดังเข้ามาที่เรา เพราะว่าพอเป็นคนในแสง คอมเมนต์ต่างๆ หรือคนมันตีความไปแล้ว ณ วันนั้นว่าเราผิดทั้งๆ ที่เราไม่ได้ผิด เรื่องมันไม่กระจ่างในวันนั้น มันก็เลยกลายเป็นว่าเรางานหดลงเรื่อยๆ แล้วมันก็มีกระแสอื่น แล้วโควิดอีก แล้วทุกคนคะในวงการบันเทิงมันต้องเข้าใจก่อน หลายคนถามว่ามันเกิดเรื่องแล้วไม่กลับไปทำล่ะ บางทีมันมีกระแสไม่ดี เป็นเรื่องลบแล้ว และระยะเวลาที่มันผ่านมาเรื่อยๆ อายุเราเพิ่มขึ้น แสงมันหายไปอะไรไป เราจะถูกจ้างงานมันยากเหมือนกัน มันยากจริงๆ เราก็เลยเข้าใจ มันก็เลยให้หายไป มันก็มีผลกระทบเลย เพราะว่าตอนนั้นคือจะจ้างงานเรายากมาก เพราะว่าแบรนด์ๆ หนึ่งจะจ้างงาน แล้วถ้าใต้คอมเมนต์มันมีคนหลายคนมาคอมเมนต์ลบ แบรนด์เขาก็ไม่อยากได้เรา อันนี้แนมก็เข้าใจแบรนด์ ไม่ได้มีใครผิดอะไรเลย แต่เราก็เสียโอกาสในช่วงเวลานั้นไปเยอะพอสมควร”
ตอนนี้เราโล่งใจไหม?
“โล่งมาก เพราะว่าหลายคนพูดว่า โอ๊ย มาหาแสง ต้องหานิดนึง หาในที่นี้คือตอนนั้นเรามี แต่เราโดนกลบแสง ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำ วันนี้เราขอแสง เหมือนที่พี่ๆ ให้โอกาสแนนได้ออกมาพูด คือแนมแค่อยากออกมาพูดว่าแนมไม่ผิด 1 2 3 4 เป็นยังไง ได้ไปออกรายการ เพราะหลายคนตอนนั้นใครถูก ใครผิด ไม่มีใครรู้ หายไปเลย หายไปพร้อมกับว่าแนมผิดบลาๆๆ แต่จริงๆ คือแนมไม่ผิดนะ แนมได้เงินไม่ครบ แนมโดนโกงอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แค่ว่าแนมก็อธิบายในรายการไปแล้วว่าแนมไม่ใช่คนรวยอะไร ถ้าอยากจะสู้ต้องหาเงินหลายแสนไปสู้ จ้างทนายความไปสู้คดี แล้วกี่ปีคดีจะถึงเรา เราก็ต้องแยกย้ายกันไป เราก็ต้องยอมกันไป”
ตอนนี้คดีจบ 100 เปอร์เซ็นต์หรือยัง?
“จริงๆ มันไม่ได้จบอะไรเลย มันจบกันที่ไกล่เกลี่ยตามที่แนนพูดไปในรายการ ว่าจริงๆ ถ้าอยากจะได้เต็มจำนวนที่ควรจะได้คืน ก็ต้องไปจ้างทนายขึ้นศาลฟ้องกัน ขึ้นศาลกี่ปีจะถึงเรา มันมีหลายคดีในประเทศแล้วแนมต้องใช้เงินอีกกี่แสนเพื่อไปจ้าง คุ้มหรือเปล่า น้องอีกคนนึงที่โดนโกงเหมือนกันก็คุยกันแล้วว่าไม่เอา มันยุ่งยาก เราก็เลยแยก แต่ไอ้ความแย่คือ แล้วมีใครรู้ไหมว่าเราได้เงินคืนไม่ครบ มันไม่มีใครรู้ไง”
ตอนนั้นเจ็บใจไหม?
“เจ็บใจ มันเจ็บใจอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็เข้าใจในมุมของเรา และอาจจะดูไม่ดัง ภาษีไม่ดี ดูไม่น่าเชื่อ ดูไม่รวย มันก็เลยเหมือนคนไม่รวยอยากไปทำธุรกิจกับคนรวยแล้วไม่มีเงิน ไปทวงเงินหรือเปล่า”
จนถึงขั้นเป็นซึมเศร้า?
“ใช่ เป็นซึมเศร้า เพราะพอมันหลังจากนั้น มันก็มีเรื่องอื่นโผล่มาอีก แล้วเรื่องอื่นที่มันโผล่มาอีกมันก็เป็นเรื่องคล้ายเรื่องแรกก็คือเราไม่ผิด แล้วเราไม่ได้กระจ่างในสื่อ และเราก็โดนโจมตี และเราก็เหมือนเดิม คือถ้าเราจะถูกจะผิด จ้างทนายขึ้นศาลไปสู้เหมือนกัน”
กับเรื่องนี้มันดิ่งที่สุดในชีวิตไหม?
“มันเป็น 2 เรื่องค่ะ จริงๆ มันก็มี คืออย่างตอนนี้แนมก็โดนกระแสเรื่องร้านทำผม จริงๆ เธอไม่มีงาน เพราะเรื่องร้านทำผมหรือเปล่า จริงๆ แนมก็อยากพูดตรงนี้เลยว่าเรื่องร้านทำผมก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเหมือนกัน ที่เป็นคล้ายๆ เรื่องของด. แนนได้ลงไอจีส่วนตัวในวันนั้นที่เกิดเรื่องไปแล้ว เพราะแนมก็ไปหาข้อมูลว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มีพี่ๆ ร้านช่างทำผมเข้ามาช่วย และเรามี สตอรี่รูปขั้นตอนการทำ พอดีสิ่งที่เราทำได้คือเราตัดต่อคลิปทุกอย่างให้เป็นขั้นเป็นตอน เป็นหลักฐานว่าเราไม่ผิด ดูนะว่าขั้นตอนที่เขาทำผมแนมมันเสียจากอะไร แนมทำได้แค่นั้น เพราะสุดท้ายถ้าอยากจะถูกผิด ต้องไปสู้กับที่ชั้นศาล หาเงินหลายแสนมาจ้างทนายสู้กับเขา แล้วแนมไม่มีเงินขนาดนั้น แล้วไม่รู้ว่าคดีจะถึงเราเมื่อไหร่ กี่ปีจะสู้กันเสร็จไหม มันกลับกลายเป็นเรื่องเดิม แนมไม่ผิด แต่สุดท้ายแนมก็กลายเป็นคนผิด ถามว่าวีนผิดไหม ผิด แต่พี่ๆ รู้ไหมว่าระหว่างทางก่อนที่แนมจะไปวีนตรงนั้น หรือแม้กระทั่งเรื่องด. มันคือเรื่องเดียวกัน ไลน์ไปก็แล้ว ถามก็แล้ว ไม่มาหา ไม่ตอบไลน์ ไม่รับผิดชอบนู่นนี่นั่น แล้วเขาก็โผล่มาพร้อมทนายแบบเดียวกันเป๊ะ พอคนที่มาพร้อมทนายก็คือถูกต้องอย่างนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่มาพร้อมทนายจะเป็นคนที่ถูกต้อง คดีมันจะถูกหรือผิดมันต้องไปจบกันที่ศาล แต่มันไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินไปต่อสู้ในชั้นศาลได้ ไม่ได้มีเงินจ้างทนายไปต่อสู้กันได้ แนมก็เลยอยากใช้เหตุผลนี้บอกว่าแนมได้เคลียร์ตัวเองในโซเชียล แต่วันนั้นมันไม่มีใครเชื่อ มันไม่มีใครฟัง เขาตัดสินแค่ว่าแนมเริ่มก่อน แนมกระทำก่อน แนมพูดก่อน เธอผิด แต่วันนี้โอเคค่ะ”
สุดท้ายแล้วก็อโหสิกรรมให้?
“ใช่ วันนี้แนมไม่ได้คิดอะไร วันนี้แนมรู้สึกว่าตั้งแต่มาอยู่ในโลกติ๊กต็อก แล้วก็ได้พี่ๆ นักข่าวมาให้สัมภาษณ์ แล้วแนมได้พูด แนมถือว่าแนมพูดในส่วนของแนน แนมโล่งใจแล้ว หลังจากนี้พี่ๆ น่าจะเข้าใจกันหมดแล้ว เพราะตอนนี้ ทุกวันคนที่เข้ามาคอมเมนต์คือมันบวกหมดเลย ถามว่ามีลบไหม มี แต่แนมไม่ได้นำมาใส่ใจ เพราะแนมคิดว่าแนมจะมองคนที่รักเรามากกว่า คนที่เข้าใจเรา พี่ๆ สื่อทุกคนพ่อแม่ เพื่อน คนรักทุกคน อาจจะไม่ได้มาคอมเมนต์ก็ได้ แต่คนที่ คอมเมนต์อาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ให้อะไรกับเราเลย ไม่ได้ให้งานเรา ไม่ได้รักเรา ไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ แนมก็เลยไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น แล้วตรงนี้ ตอนนี้ คือขยันร้องเพลงใน ติ๊กต็อก ทำคอนเทนต์ ทำอะไรก็ได้ในมุมของเราดีกว่าแล้ว ก็ทำงานไป”
มีอะไรติดค้างอีกไหม?
“ไม่มีเลย กับเขาจริงๆ ก็ไม่ได้ติดค้างอะไร กับคู่กรณีแนมไม่ได้เคยติดค้างอะไร แต่แนมติดค้างความรู้สึกในใจของตัวเอง กับสื่อ หมายถึงโลกโซเชียลแล้วกัน เพราะว่าในพื้นที่ส่วนตัวแนม เวลาแนมลงอะไรก่อนหน้านี้มันจะมีคอมเมนต์ลบ และเรารู้สึกว่าเราเหมือนทำอะไรไม่ค่อยได้เลย ทำไมถึงมาว่าเราถึงครอบครัว แต่ในวันนี้พอเราพูดไปแล้ว มันก็สบายใจ แล้วมันก็ไม่เป็นไร ใครจะตัดสินแนมว่าเป็นแบบไหน แล้วแต่พี่ๆ เลย”
เรื่องราวของ ดิว อริสรา ที่เกิดขึ้นตอนนี้ แนมได้มีโอกาสได้ดูไหม?
“น้อยมาก แนมกล้าพูดได้เลย เพราะจริงๆ แนมไม่ได้ตามเรื่องเขามานานมาก พอมันเกิดเรื่องกัน ก็เหมือนบล็อกไปเลย เหมือนไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็น ไม่อยากเสพ เพราะว่าเราจะรู้สึกเสียใจอะไรอย่างนี้ เราก็เลยไม่ได้รู้ว่าเขาเกิดเรื่องอะไรบ้าง”
อย่างคู่กรณีหลายๆ คนก็ออกมาซ้ำเติมเยอะเหมือนกัน?
“ไม่ได้เรียกว่าซ้ำเติมหรอกค่ะ แต่แนมเชื่อว่าหลายๆ คนที่โดนถูกกระทำมีสิทธิ์ที่จะพูด มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความถูกต้องให้กับตัวเอง ถามว่าในวันนี้มีคนถามว่ามาซ้ำเติมเหรอ อย่าเรียกว่าซ้ำเติม เพราะในวันนั้นที่เราโดนเหมือนกัน คนหลายคนก็ซ้ำเติมเรานะ ยังไม่มีใครช่วยเรา แต่ในวันนี้เขาแค่อยากจะออกมาเรียกร้องความถูกต้อง ความยุติธรรมของตัวเอง แนมมองว่าไม่ผิด แต่ใครจะผิด ใครจะถูก ใครจะคืนอะไรกันก็แล้วแต่ ให้เขาไปเคลียร์ หรือมีคดีความ ไปตัดสินเอา”
มองว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมไหม?
“ไม่เกี่ยว คือแนมไม่ได้มองว่ามันเป็นเวรกรรม หรืออะไร ไม่เกี่ยว แต่แค่มันเป็นผลของการกระทำของแต่ละคนมากกว่า ใครกระทำอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น สมมุติว่าใครยืมใคร ติดอะไร ก็ต้องชดใช้ ก็ต้องคืน ใครไม่ได้ทำอะไรกับใคร มันก็ไม่เกิดผลแค่นั้น”