‘โยเกิร์ต’ สุดภูมิใจ ร่วมแสดงซีรีส์ดัง The White Lotus ขนลุกเห็น 1 วิ แต่มีชื่อขึ้นเครดิต

เรียกได้ว่าทำเอาเซอร์ไพรส์คนดูไปไม่น้อย เมื่อนักแสดงสาว โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ ได้เป็นอีกหนึ่งนักแสดงชาวไทยที่ได้ร่วมแสดงในซีรีส์ดังระดับโลกอย่าง The White Lotus ซึ่งถึงแม้จะออกมาเพียงไม่กี่ซีน แต่นักแสดงสาวก็ภูมิใจไม่น้อยที่ได้มีส่วนร่วมกับซีรีส์เรื่องนี้ ล่าสุดโยเกิร์ต ได้มาเปิดใจในรายการ WOODY FM ก็ได้เผยถึงการได้มาร่วมแสดงในซีรีส์ดังกล่าว พร้อมอัพเดตชีวิต และเผยถึงสถานะหัวใจตอนนี้ว่า

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างดีเสมอจริงไหม ?

“จริงไหม โยว่ามันก็ต้องอยู่ที่มายเซ็ตของเราด้วย ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นแล้วดี เราก็จะทำทุกๆ อย่างเพื่อให้มันดี แต่เราต้องเชื่อก่อนว่ามันดี แต่ทุกคนมันก็ผิดพลาดได้ สำหรับโยผิดพลาด โยก็เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าเราผิดพลาด แก้ไขในสิ่งนั้น ว่าเราพลาดตรงไหน แต่ต้องยอมรับก่อนว่ามนุษย์เราผิดพลาดกันได้”

ความอดทนมนุษย์เราจะอดทนได้ถึงจุดไหน ?

“หนูเป็นแชมป์เรื่องความอดทนเหมือนกันนะ โยว่าเราอาจจะขีดเส้นเอาไว้ก็ได้ว่าพอถึงตรงนี้ แล้วเราพอแล้ว มองว่ามันเป็นการให้เวลากับตัวเองเพิ่มขึ้นในการทบทวน เราโอเคพอใจกับสิ่งนี้จริง ๆ ไหม หรือเราอยากจะออกไปจากตรงนี้”

ตอนนี้มีคน DM มาหาบ้างไหม ?

“ไม่ได้อ่านเลยค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นสแปม (หัวเราะ) อะไรพวกนี้เต็มเลย แต่ไม่ได้กดเข้าไปอ่าน”

แล้วไม่มีใครทักมาจีบเลยเหรอ ?

“ไม่ค่อยเลยค่ะ ไม่ค่อยอ่าน DM ถามว่าได้ทำความรู้จักใหม่ๆ ไหมก็มีนะ มีเพื่อนใหม่ ๆ แต่ยังไม่มีใครที่รู้สึกว่าอยากพัฒนารู้จักเขามากขึ้น ยังไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น แต่อยากมีครอบครัวนะ ไปไหนมาไหนคนก็ถามตลอดมีแฟนไหมหรืออะไร เราก็ตอบว่ายังมันอาจจะใช้เวลานาน รู้สึกว่าถ้าจะหาแฟนมันไม่อยากสำหรับโย แต่สิ่งที่โยมองหามันไม่ใช่แค่แฟน มันคือ Life Partner คู่ชีวิตที่เราอยากจะใช้ชีวิตไปกับเขา อยากจะร่วมเดินทางออกไปกับเขา หรือแม้กระทั่งเราอยากจะฝากชีวิตไว้กับเขา มันก็เลยอาจจะใช้เวลาหน่อย แล้วกิจกรรมของเรา ณ ตอนนี้เราโฟกัสที่ตัวเอง กลับมารักใส่ใจตัวเอง ให้เติบโตในทิศทางที่เราอยากเป็น ให้เราเป็นที่พึ่งพาของตัวเองได้ กิจกรรมของโยมันก็เลยไม่ได้เหมือนไปแสวงหาคู่ เพราะโฟกัสเรื่องตัวเองอยู่ด้วย”

มีอะไรใหม่ๆ ที่เข้ามาบ้างที่สามารถแบ่งปันได้ ?

“คือระหว่าง 1 ปีที่ผ่านมา รู้สึกว่าเป็นอีกครั้งที่ได้กลับมาอยู่คนเดียวจริงๆ ได้มีโอกาสกลับมารักตัวเองจริงๆ ทำอะไรเพื่อตัวเอง พอได้ทำอะไรมันมีความรู้สึกภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เราทำแม้ว่าสิ่งนั้นมันอาจจะเล็กน้อย แต่รู้สึกว่าเราทำด้วยมือเราเอง ย้อนกลับไปตอนนั้นมีโอกาสได้เจอพี่ดอม และเล่นละครกับพี่ดอม ซึ่งตอนนั้นประกาศว่า The White Lotus จะมาถ่ายทำที่เมืองไทย เราก็กรี้ดมาก ชอบซีรีส์เรื่องนี้มาก ยูไปทำได้ยังไง ดีใจกับยูด้วยนะ ก็เลยบอกพี่ดอมว่า เราชอบมากเลยนะถ้ามีโอกาสอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ในนั้น ฝากบอกพี่ที่แคสด้วยนะว่าโยอยากร่วมแสดง เวลาผ่านไปหลายเดือน คิดว่าไม่น่าจะมีโอกาสแล้วเพราะเขาถ่ายทำกันไปแล้ว แต่พี่แคสติ้งโทรมา เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว บอกว่ามีบทให้ไปแคส แต่ใช้คิวหลายวัน มากเลย ต้องไปใต้ ซึ่งตอนนั้นเราคิวไม่ได้เลยคือยุ่งมากก็เฟลไป

แล้วก็ไม่คิดว่าอีกหลายเดือนต่อมาน่าจะประมาณมิถุนายนปีที่แล้ว พี่หนอนก็โทรมาใหม่ว่ามีบทนี้ถ่ายที่กรุงเทพฯด้วย ใช้คิวไม่เยอะ 1 วัน เราแบบจริงเหรอจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เราชอบเหรอ แต่ว่าต้องส่งเทปไปแคสติ้งนะ ซึ่งเราห่างหายจากการแคสมานานแล้ว มีบทพูดประมาณหนึ่งถึงสองบท เราส่งไปเลย 4 บท  โดยให้เพื่อนมาช่วยถ่าย ไม่บอกเพื่อนด้วยนะว่าแคสอะไร เพราะต้องเซ็นเอกสารความลับ ส่งเทปไปแบบไม่กล้าคาดหวัง เพราะห่างจากวงการมานาน เพราะมีคนอื่นแคสด้วยไม่ใช่แค่เราคนเดียว เราทำดีที่สุด แล้วก็ติดต่อกลับมา ตอนนั้นไม่อยู่เมืองไทยไปไหว้พระที่ฮ่องกง

พี่แคสติ้งโทรมาบอกว่า…..โยเกิร์ตดีใจด้วยนะ ยูได้เล่นเรื่องนี้  คือกรี๊ดเลยค่ะ ดีใจมาก ซึ่งไม่รู้เลยว่าตอนไปถ่ายจะเห็นเราไหม (หัวเราะ) ตัวละครเป็นเหมือนบาร์เทนเดอร์ในบาร์ ซีนคือมีนักแสดง 2 คนคุยกัน แล้วเขาสั่งเครื่องดื่มกับเรา ซึ่งบทสนทนาจะมีประมาณสองประโยค แต่ว่าตอนเขาขอชื่อขึ้นเครดิตเราก็รู้สึกว่าปลื้ม ได้มีชื่อด้วยเหรอ เราเป็นแค่ตัวเอ็กซ์ตร้านะ มีชื่อในเครดิตท้ายเรื่องด้วยเหรอ แล้วพอวันออนแอร์ ได้ดูก็คือตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมาก เห็นเราประมาณ 1 วินาที (หัวเราะ) และที่สำคัญตอนจบขึ้นเป็นชื่อจริง โยเกิร์ต – ณัฐฐชาช์ บุญประชม ขนลุกตื่นเต้นทั้งๆ ที่ในภาพเห็นวินาทีเดียว”

รู้สึกยังไงได้เล่น The White Lotus ?

“มันเป็นความภูมิใจที่ตอกย้ำว่าเราเคยรู้สึกแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว เพราะว่าเราทำอะไรสำเร็จด้วยตัวเองมันเป็นยังไง ความรู้สึกนั้นมันหอมหวานแบบไหน ความรู้สึกนั้นมันอิ่มเอมแบบไหน แต่แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเราอาจจะมีความสุขแบบอื่นมา จนทำให้เรามีความรู้สึกสิ่งๆ นี้กับตัวเองมันอาจจะลดทอนหรือมีบางอย่างมาแบ่งปันแต่ ณ ตอนนี้ความสำเร็จที่เราทำด้วยตัวเองมันชัดเจนมาก”