วันที่ 6 เม.ย.2568 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีพบปะสมาชิกพรรคที่มาร่วมงานจำนวนมาก ในโอกาสครบรอบ 79 ปี ภายใต้แนวคิด “ก้าวต่อไปสู่ทศวรรษที่ 8” กล่าวตอนหนึ่งว่า “นับตั้งแต่ปี 2489 วันที่ตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีพัฒนาการต่างๆ มาเป็นระยะ มาจนกระทั่งผมมาเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ประชาธิปัตย์ครบ 79 ปีบริบูรณ์ และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 8 ร่วมกัน ผมตั้งใจจะพูดถึงแนวทางการทำงานของพรรคฯ ในวันประชุมใหญ่ของพรรคฯ วันที่ 26 เมษายน 2568 โดยตั้งใจจะพูดถึงการที่ผมมาพร้อมกับกรรมการบริหารทุกคนจะพาพรรคเดินไปแบบใด”
“การที่หลายๆ คนกำลังมองว่า ผมจะทำพรรครอดหรือไม่ นี่คือโจทย์ที่ท้าทายที่สุดของผม เป็นทั้งแรงกำลังใจที่ผมจะต้องนำความสบประมาทมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ และยืนยันว่าไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนประชาธิปัตย์ไม่เคยผิดหลักการและอุดมการณ์ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งพรรค ซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นการปกครองในประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือหัวใจของการเมืองไทย หัวใจของประเทศไทย”
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ไม่ว่าเขาจะรู้จักประชาธิปัตย์มากหรือน้อย เขาจะรักหรืออยากทำลายประชาธิปัตย์ก็แล้วแต่ แต่ประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของผม ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหลักการและอุดมการณ์อย่างเด็ดขาด ผมขอขอบคุณพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ทุกคนที่ยังเชื่อมั่นในพรรคฯ ดังนั้นกรรมการบริหารพรรค และ สส. ของพรรคจะไม่ทำให้ผิดหวัง สิ่งหนึ่งที่ผมติดตัวอยู่ในไขสันหลัง ไม่ใช่เลือดแต่มากกว่า ตนจะไม่มีวันเนรคุณพี่น้องประชาชน และประเทศชาติอย่างเด็ดขาด ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าไปข้างหน้าได้ด้วยเอกภาพของพวกเราทุกคน ให้เทวดาคนใดคนหนึ่งมาคนเดียวก็ทำไม่ได้หรอก สิ่งที่ตนได้ทำมาในรอบปีก็คือการสร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรค ประชาธิปัตย์กำลังเดินไปข้างหน้า อาจจะไม่ได้วิ่ง อาจจะไม่ได้ปีนภูเขา แต่เราค่อยๆ ขึ้นเนินไปเรื่อยๆ
"ผมมั่นใจว่าประชาธิปัตย์เราตั้งมั่นได้แล้ว ผมจะพาประชาธิปัตย์ลุยเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง และเป็นพรรคเดียวที่มีตัวแทนจังหวัดพร้อมส่งผู้แทนทั้ง 77 จังหวัด เพราะรากฐานเดิมของประชาธิปัตย์คือสมาชิกพรรค สาขาพรรค ตัวแทนพรรค เราได้ดำเนินการมาประมาณ 6 เดือน ด้วยกันเดินอย่างมั่นคง ไม่ได้เดินแบบฉาบฉวย ไม่มีนักการเมืองคนไหนในประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการซื้อเสียง วันนี้นครศรีธรรมราช เขต 8 ผมบอกพี่ชินวรณ์ บุณยเกียรติ (ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ฯ หมายเลข 2) ว่า ให้ประกาศตั้งแต่วันแรกว่า ประชาธิปัตย์จะไม่ซื้อเสียง คนที่ต้องการประชาธิปไตยไม่เห็นมาเชียร์ผมเลยสักนิด ผมยืนในหลักการที่ถูกต้อง
“ถามว่าผมมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นเชื่อถือได้แค่ไหน ผมเป็น สส. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 4 สมัย เป็นคนที่ในทางการเมืองบอกว่าสอบตกยากที่สุด เปอร์เซ็นต์สอบตกเป็นศูนย์ ผมยึดมั่นในความเป็นประชาธิปัตย์ ยึดมั่นในความเป็นประชาธิปไตยสุจริต ชีวิตผมไม่เคยซื้อเสียงเลย ไม่เคยซื้อเสียงเลยแม้แต่เสียงเดียว และวันที่ผมแพ้ คนถามผมว่าทำไมไม่ซื้อ ผมบอกว่าขอให้ผมเป็นนักการเมืองในความตั้งใจของผมสักคนได้มั้ย การเลือกตั้งปี 2562 ผมแพ้ไป 106 เสียง ผมไม่ขอนับคะแนนใหม่ แต่ผมภูมิใจว่าชีวิตทางการเมืองของผมไม่เคยซื้อเสียง คนที่บอกว่าอย่าซื้อเสียง ไม่เคยให้กำลังใจผมด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังยึดมั่นอย่างนั้น เพราะชีวิตผมอยากบันทึกไว้ว่า ผมไม่เคยซื้อเสียง เพราะผมจะไม่ลง สส. เขตอีกแล้ว แล้วมันก็จะเป็นประวัติกับตัวเองว่า ชีวิตทางการเมืองของผมทั้งชีวิตไม่ซื้อเสียง ถ้าบอกว่าการเมืองต้องสุจริต ต้องไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีอามิสสินจ้าง ก็มาช่วยกัน มาช่วยประชาธิปัตย์วันนี้ มาช่วยผมมาช่วยพวกเราทุกคน ผมจะทำการเมืองสุจริตคนเดียวได้อย่างไร ถ้าผมไม่มีพี่น้องประชาชนไม่มีสมาชิกพรรคคอยเป็นกำลังใจให้ผม คอยอยู่ข้างหลังผม”
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคก้าวสู่ทศวรรษที่ 8 ด้วยศักดิ์ศรี ด้วยการเป็นพรรคการเมืองที่มีหลักการและอุดมการณ์ที่ชัดเจน ผมมั่นใจว่าประชาธิปัตย์เกลียดการทุจริต เพราะฉะนั้น วันที่ประชาธิปัตย์ไปเป็นรัฐบาล เงื่อนไขอย่างหนึ่งคือจะต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีการทุจริตและไม่มีการดำเนินการประชาธิปัตย์ก็ร่วมไม่ได้ การตัดสินใจทางการเมืองในความเป็นนักการเมืองมีได้ 2 อย่าง 1. เป็นฝ่ายค้าน 2. เป็นรัฐบาล มีพรรคการเมืองไหนบอกว่าเป็นกลางๆ ผมยังไม่เคยเห็น และผมก็ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองไหนที่ตั้งพรรคมาแล้วบอกว่าผมจะขอเป็นฝ่ายค้านทั้งชีวิต ผมว่าชาวบ้านคงไม่เลือกหรอก เพราะจะเลือกไปทำไม ในเมื่อไปแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ แต่การไปร่วมรัฐบาลจะต้องมีเหตุและผล จะต้องมีการพิจารณาว่าสถานการณ์นั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจของประชาธิปัตย์ทุกครั้งเป็นการตัดสินใจโดยรวมเพื่อพรรคเป็นหลัก”
“หากต้องการเห็นประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้า เป็นพรรคการเมืองที่มีคุณภาพ มีหลักการและอุดมการณ์กลับมาอีกครั้ง ขอให้ช่วยกันบอกพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ มาช่วยกันบอกพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ขอ สส.กรุงเทพฯ กลับคืนมา ตนจะนำพาพรรคไปในทิศทางที่ถูกต้องในสิ่งที่ดีที่สุด ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยความเคารพรักขอบคุณ ขอบคุณท่านที่มาร่วมงาน ในขณะที่ทุกคนบอกว่าประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ไม่มีใครเอาประชาธิปัตย์ แต่หลายท่านยังกล้าเดินมาเคียงคู่กับพวกเรา ขอให้ทราบว่าวันนี้ประชาธิปัตย์กำลังเปลี่ยน วันนี้พื้นที่ที่จะให้คนรุ่นใหม่มีที่ยืนในประชาธิปัตย์มากขึ้นวันนี้ทุกคนจะไม่มีสิทธิ์มาเรียกประชาธิปัตย์ว่าไดโนเสาร์อย่างเด็ดขาด จึงเชิญชวนสมาชิกพรรค ได้เข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญของพรรค ในวันที่ 26 เม.ย.2568 นี้ ซึ่งจะได้มีการเปิดเผยถึงแนวทางการทำงาน ตลอดจนทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป