ประธานญาติพฤษภา’35 จวกน่าละอาย สส.เพื่อไทย เลื่อนพิจารณร่างกฎหมายกาสิโนแซงคิวกฎหมายอื่น ทั้งที่มีเสียงคัดค้านกึกก้องทั่วประเทศ หวั่นซ้ำรอยพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ลุกลามทั่วประเทศนำไปสู่ความขัดแย้งนองเลือดอีก โต้พท.หากทหารออกมาอย่าโทษประชาชนเพราะรัฐบาลคือต้นเหตุและไม่สำนึก เสียใจหากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทางการเมือง 4 ฉบับตกค้าง จี้รัฐบาลถึงเวลานิรโทษกรรมได้แล้ว
7 เม.ย.2568-นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’ ๓๕ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. ขึ้นมาพิจารณาในวันที่ 9เม.ย.นี้ ก่อนวาระอื่นๆว่า เป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง เพราะผู้เสนอเลื่อนการพิจารณาร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯขึ้นมาก่อนวาระอื่นนั้นเป็น สส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล ทั้งที่มีเสียงทักท้วงมาตลอดว่าร่างกฎหมายดังกล่าว หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทำบ่อนกาสิโน รวมทั้งการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายด้วยนั้น เป็นการส่งเสริมอบายมุขมอมเมาประชาชน จะมีผลกระทบทางสังคมมากมาย เป็นบ่อเกิดอาชญากรรมแหล่งฟอกเงิน เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนสีเทา
นายอดุลย์กล่าวว่า พระหากษัตริย์ไทยตั้งแต่พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงเตือนไว้แล้วหากปล่อยให้คนไทยเล่นการพนันจะฉิบหายไม่เหลือจึงทรงห้าม ต่อมามีการเปิดบ่อนถูกกฎหมายคนไทยก็เล่นจนหมดเนื้อหมดตัวบางรายถึงกับฆ่าตัวตาย กระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ในที่สุดจึงมีการยกเลิกยุครัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ แต่รัฐบาลนี้กลับจะรื้อฟื้นการพนันถูกกฎหมายขึ้นมาท้าทายสังคมอีก
“การทำบ่อนพนันถูกกฎหมายไม่มีความชอบธรรมทั้งด้านกฎหมายและการเมือง ในนโยบายหาเสียงเลือกตั้งสส.ปี 2566 พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่ปรากฏในการแจ้งรายงานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ถึงความคุ้มค่าและผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย รัฐบาลก็ยอมรับว่ายังไม่มีการทำรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ ส่วนที่อ้างว่ารับฟังความเห็นแล้วก็เป็นเพียงการจัดฉากลวงโลก ขณะที่ทุกภาคส่วนของสังคม ทุกศาสนา ออกแถลงการณ์ ล่าชื่อคัดค้าน เสียงดังกึกก้องไปทั่วประเทศ แต่รัฐบาลกลับไม่ฟัง มีการเสนอให้ทำประชามติก็ไม่เอา เหมือนกับอาการร้อนรนมีวาระซ่อนเร้นที่แอบแฝงด้วยผลประโยชน์ของบางกลุ่ม ทำให้ประชาชนเชื่อข่าวลือว่ามีการรับเงินมัดจำจากเจ้าพ่อบ่อน จึงขอเตือนว่าจะซ้ำรอยร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยที่มีการลักหลับผ่านกฎหมายตอนตี4 จะเกิดความขัดแย้งลุกลามไปทั่วประเทศนำไปสู่ความรุนแรงและนองเลือดอีก ”
ส่วนกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยขู่ว่าประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านกาสิโนจะทำทหารจะออกมารัฐประหารนั้น นายอดุลย์ กล่าวว่า อย่ามาโทษประชาชนต้องโทษรัฐบาลคือต้นเหตุที่ออกนโยบายโคตรโกงทำลายชาติและความสงบสุขของบ้านเมือง เมื่อประชาชนไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิ์ออกมาต่อต้าน แต่ตัวเองกลับไม่สำนึก ขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนไม่ได้โง่แล้ว ควรเอาเวลาไปคิดนโยบายเรื่องสงครามการค้าและภูมิศาสตร์โลกมากกว่ามาคิดเรื่องนโยบายที่ล่อแหลมและนำไปสู่ความขัดแย้ง
ประธานญาติวีรชนฯ กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่มีการเลื่อนกฎหมายกาสิโนขึ้นมาพิจารณาก่อนกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง เท่ากับว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องบ่อนการพนันมากกว่าเรื่องความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และอาจทำให้ร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับค้างการพิจารณา คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เสนอโดย นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ 2. ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เสนอโดย นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม กับคณะ 3. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. …. เสนอโดยนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับคณะ และ4. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. … เสนอโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน ซึ่งปัจจุบันสังคมไทยยังมีความแตกแยกทางสังคม ขาดความรักสามัคคี ความขัดแย้งในอดีตไม่ถูกคลี่คลาย รัฐบาลยังไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งสู่ความรุ่งโรจน์ของชาติร่วมกัน ทั้งที่คนในรัฐบาลก็มีส่วนอยู่มาก จึงถึงเวลาต้องเร่งนิรโทษกรรมได้แล้ว
“บทเรียนจากเหตุการณ์พฤษภา ๓๕ เป็นตัวอย่างที่พ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงสอนสั่งไว้ทำให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ รัชกาลที่10 ได้สืบสานรักษาต่อยอดถึงทุกวันนี้ โดยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ควรเอาบทเรียนในอดีตเป็นอุทาหรณ์ทางการเมืองที่สำคัญ แม้ผู้ใหญ่บางคนในรัฐบาลพยายามให้ความคิดเลอะเทอะ ลืมเลือนความเจ็บปวดที่เคยประสบในอดีต ดังนั้นจึงควรนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองโดยเร็ว และสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างอนุสาวรีย์อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ตามมติครม.สมัยรัฐบาลนายกฯทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประชาชนร่วมกันสร้างแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์เตือนใจประชาชนไม่ให้เกิดความรุนแรงและอุทาหรณ์ทางประวัติศาสตร์ทางการเมือง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรองดองของประชาชนร่วมกันต่อไป นอกจากการผลักดันรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และจะเกิดความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วนในสังคมและนานาชาติต่อไป ”