“เซอร์เด็จ” ขอโทษแฟนบอลช้างศึกยู-17ฟอร์มแย่ศึกชิงแชมป์เอเชีย
GH News April 10, 2025 06:11 AM
"จเด็จ มีลาภ" เฮดโค้ชทีมชาติไทนรุ่นยู-17 ออกโรงขอโทษแฟนบอล หลังพาทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในศึกชิงแชมป์เอเชีย

จเด็จ มีลาภ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย ออกมาขอโทษแฟนบอล หลังพาทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย “AFC U-17 Asian Cup 2025” โดยแพ้รวด 3 นัดกระเด็นตกรอบแรกไปแบบไม่มีลุ้น

ทีมชาติไทยชุดยู-17 พ่าย จีน 0-2 ในเกมส่งท้ายรอบแรกกลุ่ม A ที่สนาม โอคาซ สเตเดียม ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้คว้าอันดับบ๊วยของ โดยเก็บไม่ได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว ยิงได้เพียง 2 ประตู และโดนถลุงไปถึง 9 ดอกเน้นๆ

มาสเซอร์เด็จ กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอโทษแฟนบอลทุกท่านด้วยที่ทำทีมมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ในการแข่งขันระดับเอเชียเราอาจจะมั่นใจเกินไปว่าจะมาเล่นเกมรุกใส่เขา แต่ปรากฏว่าเราเจอทีมที่แข็งแรงและแข็งแกร่งกว่าในเรื่องของร่างกาย ซึ่งเราต้องยอมรับว่าเรื่องฟิตเนสเราอาจจะยังสู้เขาไม่ได้”

“พอร่างกายของนักเตะโดนปะทะมากๆหรือใช้แรงไปมากแล้ว ทำให้เรื่องของแทคติกที่วางไว้ให้ลงไปเล่นอาจจะทำได้ลำบาก รวมถึงเกมนี้ กองหลังของทีมมีอาการบาดเจ็บ และอาการป่วยจากอาหารเป็นพิษด้วย ทำให้ต้องปรับระบบกันและทำความเข้าใจกันพอสมควร”

“เรามาเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับเอเชียครั้งนี้ เชื่อว่านักเตะได้เรียนรู้และรู้ถึงศักยภาพว่ายังต้องแก้ไขปรับปรุงอีกพอสมควร อยากจะให้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รัฐบาล หรือว่าหน่วยงานต่างๆ หันมาปรับโครงสร้างเยาวชนของเราใหม่ ไม่งั้นเราจะยังสู้เขาไม่ได้”

“พอเรามารายการนี้ได้เห็นว่าทุกทีมมีความเป็นมืออาชีพมาก ทั้งการเตรียมทีมและเรื่องต่างๆ ซึ่งเรายังห่างไกลจากเขาอยู่ เราต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะตามพวกเขาให้ทัน”

“ตอนเล่นในรายการอาเซียน เราเซ็ตบอลได้แบบสบายๆ แต่พอมาในระดับเอเชียแล้ว คู่ต่อสู้จะกดดันหนักมาก ทำให้เราต่อบอลไม่ค่อยได้เลย และกลัวที่จะต่อบอลด้วย เลยต้องเลือกที่จะเตะบอลยาวทิ้งออกมา การเล่นภายใต้แรงกดดันนักเตะของเรายังสู้เขาไม่ได้”

“ต้องยอมรับว่าลีกนักเรียนของเรายังใช้ทีมจากโรงเรียนมาแข่งขันอยู่ แต่หลายๆ ชาติเขาใช้ระดับสโมสรอาชีพมาแข่งขันแล้ว ทำให้ความแตกต่างทั้งเรื่องความแข็งแกร่ง ความแข็งแรง สปีดบอล ความคิดและร่างกายเรายังทำได้ไม่ดี และต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป”

หลังจากนี้ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย U17 จะเดินทางกลับทันที ซึ่งจะถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในวันที่ 11 เมษายน 2568 เวลา 13.25 น.

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.