‘ตำรวจสอบสวนกลาง ’รวบ‘สาวแสบ’ร่วมขบวนการ‘ปลอมโฉนด’ ตุ๋นเหยื่อสูญกว่า 100 ล้านบาท เคยถูกดำเนินคดีกว่า 20 คดี
เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. , ว่าที่ พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.2 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.กรพงศ์ วงษาลังการ สว.กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.ฤทัย (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมเชิงซ้อนรายสำคัญ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 12 มีนาคม 2568 ในข้อหา “ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าหอพักใน จ.สมุทรปราการ
จากการสืบสวนขยายผล พบว่า น.ส.ฤทัย เป็นหนึ่งในแกนนำขบวนการมิจฉาชีพปลอมแปลงเอกสารที่ดิน โดยใช้หลายกลยุทธ์ที่แนบเนียนเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ หนึ่งในพฤติกรรมหลักคือการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทปล่อยเงินกู้ หลอกให้เหยื่อร่วมลงทุน พร้อมนำโฉนดปลอมมาใช้เป็นหลักประกันในการจำนอง รวมถึงเสนอผลตอบแทนเป็น “ค่าดำเนินการ” หรือดอกเบี้ยสูงเพื่อจูงใจ
นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์ นำโฉนดที่ดินที่ได้จำนองมาจากบุคคลหนึ่งไปหลอกขายให้กับผู้เสียหายอีกราย โดยใช้ใบมอบอำนาจปลอม แสดงว่าเจ้าของที่ดินต้องการขายเอง ทั้งที่เจ้าของตัวจริงไม่เคยยินยอม หรือแม้แต่รู้ว่าที่ดินของตนถูกนำไปเสนอขาย เมื่อถึงกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อจึงมาพบว่าไม่สามารถโอนที่ดินได้จริง เพราะติดภาระจำนอง และไม่มีเอกสารใดที่ได้รับการรับรองจากเจ้าของตัวจริงเลยแม้แต่ฉบับเดียว
ขบวนการนี้ยังจัดฉากการซื้อขาย ด้วยการไม่ให้เหยื่อเข้าไปยังสำนักงานที่ดิน อ้างว่า “มีคนข้างในจัดการให้” แล้วเดินออกมาพร้อมโฉนดหรือเอกสารปลอมเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ พื้นที่ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศีขรภูมิ รัตนบุรี ท่าตูม และอีกหลายอำเภอทั่วประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ วันที่ 19 มีนาคม 2568 จุดเริ่มต้นคือมีกลุ่มเหยื่อรวมตัวร้องตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หลังตกเป็นเหยื่อและสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก กลุ่มผู้เสียหายจากหลายจังหวัดได้ รวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อกองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เพื่อขอความช่วยเหลือในการสืบสวน ติดตาม และจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้เสียหายบางรายถึงขั้นหมดตัว สูญเงินเก็บทั้งชีวิต จากความหวังว่าจะได้ครอบครองที่ดินแปลงงาม หรือได้รับผลตอบแทนจากการปล่อยกู้ตามที่ถูกชักชวน แต่กลับถูกหลอกอย่างแนบเนียนด้วยเอกสารทางราชการปลอมที่จัดฉากมาอย่างมืออาชีพ
ที่น่าเศร้าไปกว่านั้น คือบางรายเกิดความเครียดอย่างรุนแรง จนถึงขั้นคิดสั้นหวังปลิดชีวิตตนเอง โชคดีที่ญาติและคนใกล้ชิดช่วยยับยั้งไว้ได้ทัน เป็นภาพสะท้อนความร้ายแรงของพฤติกรรมหลอกลวงที่ไม่ได้ทำร้ายแค่ทรัพย์สิน แต่กระทบถึงสภาพจิตใจและชีวิตของผู้คนจำนวนมาก
เสียงสะท้อนของเหยื่อกลุ่มนี้ ไม่เพียงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ แต่ยังเปิดโปงให้เห็นโครงข่ายมิจฉาชีพที่กำลังระบาดในสังคมไทย ซึ่งจำเป็นต้องเร่งจัดการอย่างจริงจัง
จากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.ฤทัยฯ พบว่า เคยถูกดำเนินคดีอาญามาแล้วมากกว่า 20 คดี ส่วนใหญ่เกี่ยวกับฉ้อโกง เอกสารปลอม และการหลอกลวงทรัพย์ซ้ำซาก ขณะนี้เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้อาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายมิจฉาชีพที่กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัด
ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.ฤทัยฯ ส่งศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตลอดกระบวนการได้ดำเนินการภายใต้ พระราชบัญญัติป้องกันและปรามปรามการทรมานและการกระทำที่โหดร้ายฯ พ.ศ.2565 อย่างเคร่งครัด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอยืนยันว่า จะเร่งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุกราย และเอาผิดตามกฎหมายถึงที่สุด เพื่อปกป้องประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม