นักวิชาการห่วง! ปี’68 เด็กเยาวชนสูบ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ พุ่ง 12.2% รพ.แบกค่ารักษา กระทบศก.ไทย
GH News April 15, 2025 03:40 PM

นักวิชาการห่วง! ปี’68 เด็กเยาวชนสูบ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ พุ่ง 12.2% รพ.แบกค่ารักษา กระทบศก.ไทย

วันนี้ (15 เมษายน 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวทีเสวนาวิชาการ “บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบที่คุณต้องรู้ ก่อนสุขภาพจะพัง” จัดโดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อเร็วๆนี้ ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลระยะยาวในโรงพยาบาล และจำนวนประชากรที่สูญเสีย สอดคล้องกับผลการศึกษาการประเมินต้นทุนค่ารักษาพยาบาลจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าเบื้องต้น ปี 2567 โดยคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ พบภาระค่าใช้จ่ายการรักษาระยะยาวจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า 4 โรค ได้แก่ 1.โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2.โรคหลอดเลือดสมอง 3.โรคหัวใจขาดเลือด 4.โรคหอบหืด รวมมูลค่ากว่า 306,636,973 บาท

“ผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่เพียงส่งผลต่อภาระค่ารักษาพยาบาลระยะยาว แต่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูบป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการป่วยโรคจิตเวช เพราะผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีภาวะวิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้วจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นได้ง่าย สอดคล้องกับผลการศึกษาการประเมินภาวะความเสี่ยงการเกิดโรคจิตเวชจากบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2568 โดยคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ พบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสเสี่ยงต่อการป่วยภาวะซึมเศร้าสูงถึง 1.58 เท่า เสี่ยงฆ่าตัวตาย 2.05 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า” ศ.พญ.สุวรรณา กล่าว

รศ.ภญ.มนทรัตม์ ถาวรเจริญทรัพย์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหิดล กล่าวว่า จากผลการศึกษาแบบจำลองต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์จากบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2562-2563 ซึ่งได้รับทุนวิจัยจาก ศจย. คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้สูบมีความเสี่ยงสูบบุหรี่มวนเพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และในผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสติดสารนิโคติน เสี่ยงป่วย 4 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคหอบหืด ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และที่สำคัญส่งผลให้เกิดต้นทุนค่าใช้จ่ายค่ารักษาของโรงพยาบาล จากแบบจำลองพบว่า ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพศชาย 1 คน หากเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 15 ปี ไปจนถึงตลอดชีวิต จะทำให้เกิดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นสูงถึง 2,637,414 บาท สะท้อนให้เห็นว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้านอกจากจะเป็นภัยอันตรายต่อสุขภาพ ยังคงส่งผลกระทบสร้างภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตของประเทศด้วย

รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า นักสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มที่นักสูบจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ในปี 2567-2568 คณะแพทยศาสตร์   รพ.รามาฯ ร่วมกับ สสส. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และภาคีเครือข่าย ทำการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 7 ซึ่งมีการสำรวจเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของกลุ่มอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปด้วย ข้อมูลเบื้องต้นหลังจากเก็บข้อมูลไปแล้วร้อยละ 40 พบเด็กและเยาวชน อายุ 15-29 ปี มีแนวโน้มการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จาก ร้อยละ 5.8 ในปี 2562 เป็น ร้อยละ 12.2 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสูบบุหรี่วัยรุ่นอย่างชัดเจนในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย ทุกภาคส่วนจึงต้องรณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า และส่งเสริมการป้องกันนโยบายหรือมาตรการควบคุมการสูบบุหรี่ในกลุ่มวัยรุ่นอย่างจริงจัง ซึ่งข้อมูลฉบับสมบูรณ์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ จะทำให้ทราบสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของคนไทยอย่างละเอียดมากขึ้น

ขณะที่ ผศ.ศรัณญา เบญจกุล รองหัวหน้าภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหิดล กล่าวว่า ผลสำรวจการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ปี 2565 (Global Youth Tobacco Survey : GYTS) อยู่ท่ามกลางปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น เพราะเด็กและเยาวชน 6 ใน 10 เคยเห็นการโฆษณาส่งเสริมการขายบุหรี่ผ่านสื่อออนไลน์ ได้รับผลิตภัณฑ์บุหรี่ทดลองใช้ฟรี เพิ่มสูงขึ้นจาก ร้อยละ 7.3 ในปี 2558 เป็น ร้อยละ 11.1 ในปี 2565 มีสิ่งของที่มียี่ห้อหรือโลโก้ผลิตภัณฑ์ยาสูบเพิ่มขึ้น จาก ร้อยละ10.5 ในปี 2558 เป็น ร้อยละ 12.5 ในปี 2565 รวมถึงสามารถซื้อบุหรี่เป็นมวนได้เพิ่มขึ้น จาก ร้อยละ 19.6 ในปี 2558 เป็น ร้อยละ 37.4 ในปี 2565 ดังนั้น การควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบในสื่อออนไลน์ จึงมีความสำคัญในการป้องกันและลดอัตราการสูบบุหรี่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งควรส่งเสริมให้เกิดการตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้ยาสูบอย่างต่อเนื่อง

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.