หากว่าตามหลักเหตุและผล ที่สามารถ สัมผัสและเข้าใจได้ง่าย ด้วยการใช้ภาษา แบบชาวบ้านๆ มนุษย์กำเนิดเกิดขึ้นมาได้ เพราะอารมณ์ อารมณ์ ของคนคู่แรก คือ พ่อกับแม่ ร่วมรักหลับนอน
ครั้นเราเกิดขึ้นมาพอชำเลืองตามา ก็จะโดนตีเบาๆ ให้ปอดขยายด้วยการทำให้เราร้องไห้ การที่ร้องไห้ปอดขยายได้เพราะเราเจ็บปวดโดนตี จึงร้อง...
อารมณ์จึงเป็นต้นเหตุ ที่ให้มนุษย์ทั้งหลาย ทำสิ่งที่ดีก็ได้ ทำสิ่งที่เป็นอกุศลก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นด้วยอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นไปไม่ได้เลย จะมีบางสิ่งเกิดขึ้นลอยๆ เฉยๆ ทุกอย่างแห่งการกระทำ ล้วนมีอารมณ์เป็นที่ตั้ง ด้วยกันทั้งสิ้น
ถ้าเราเข้าใจ อย่างลึกซึ้ง ถึงต้นเหตุ ที่ทำให้เกิดอารมณ์ โดยเฉพาะอารมณ์อกุศลทั้งหลาย หรืออารมณ์ไม่ดีทั้งหลาย เมื่อเรารู้และเข้าใจ เราก็จะละทิ้ง ภาวะอารมณ์เหล่านั้นได้ แล้วเพียรพยายามสร้าง ภาวะอารมณ์ที่เป็นกุศล หรืออารมณ์ที่ดี และเมื่อสร้างบ่อยๆ อารมณ์นี้เอง จะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเราทุกคนได้
ถ้าพูดกัน ด้วยภาษาศัพท์แสงทางธรรมะ ก็ต้องใช้คำว่าผัสสะทั้งหลาย หรือการกระทบทั้งหลาย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางกาย และจิตใจ เมื่อกระทบแล้วอารมณ์ก็เกิดขึ้นทันที โดยมีผลลัพธ์ คือ เกิดความรู้สึกว่าชอบ และไม่ชอบ อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น
เว้นเสียแต่พระอริยเจ้าชั้นสูงทั้งหลาย เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ามากระทบ แล้วภาวะความคิด และความรู้สึก ไม่เกิดขึ้น ผลลัพธ์ทางอารมณ์จึงไม่เกิดขึ้น
แต่เราท่านทั้งหลายเป็นเพียงผู้ศึกษาธรรมะ ไม่ได้บุคคลที่ ก้าวขึ้นไปสู่ ความบริสุทธิ์หลุดพ้นใดๆ ยังพึงปรารถนาใช้ชีวิตในโลกนี้ ตามแนวทางหลักธรรม ย่อมมีบ้างที่อยากมีความสุข มีความสบาย มีหนี้สินให้น้อยลง มีเงินพอเก็บพอใช้ ตามวิสัยปุชน
และในแต่ละวัน ความคิดความรู้สึก ถูกเกลือกกลั้ว ด้วยภาวะ แห่งแรงผัสสะมากมาย จึงเกิดหลากหลายอารมณ์ ในแต่ละวัน ทั้งอารมณ์ไม่ดี และอารมณ์ดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราเข้าใจอย่างถ่องแท้ เราก็สามารถนำอารมณ์นั้น ปรับเปลี่ยนให้เป็นอารมณ์ดี ในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน แต่ละโมงยาม
เช้าสายบ่ายค่ำ เรามีแต่ภาวะอารมณ์ที่ดี ชีวิตของเราระหว่างวัน ก็จะมีสิ่งที่ดีเข้ามา อย่างน่าอัศจรรย์ อย่างน้อย จิตใจของเรา ก็มีความทุกข์น้อยลงเป็นลำดับ เพราะไม่มีภาวะอารมณ์ ในเชิงลบ ที่เป็นอกุศล กักขังอยู่ในจิตใจ แล้วทำให้กักขฬะในความคิด
มนุษย์เราส่วนใหญ่ใช้ชีวิตด้วยอารมณ์ ใครก็ตาม ถ้าได้เรียนรู้เรื่องอารมณ์ แล้วสามารถ พัฒนาอารมณ์นั้นๆ ให้ไปแต่ในฝ่ายกุศล ในเชิงบวก บุคคลนั้น ย่อมจะมีชีวิตที่ มีความสุข มากกว่าความสุข บุคคลนั้น ย่อมสำเร็จประโยชน์ต่างๆ ที่พึงปรารถนา มากกว่าบุคคลอื่น
ดังนั้นใครปรารถนาพัฒนาชีวิตตัวเอง ให้ไปอยู่ในจุดที่ดี ให้ ไปอยู่ในจุดที่ประสบความสุข ก็ต้องเริ่มจาก การพัฒนาทางด้านอารมณ์ เป็นสำคัญ
นักปฏิบัติ ธรรมะทั้งหลาย จึงมีการเก็บอารมณ์ คือการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยงดการเจรจากับผู้คน งดการสื่อสารทุกรูปแบบ ไม่ว่าภาษามือ ภาษาเขียน หรือการ สื่อสารด้วย สีหน้าแววตา งดทุกรูปแบบ เน้นเฝ้าดูความคิดอารมณ์ และความรู้สึก เฝ้าดูเฝ้ารู้ และเข้าใจ เพื่อพัฒนา ภาวะอารมณ์ ให้อยู่ใน ฐานเชิงบวก มากกว่าเชิงลบ อย่างน้อย การปฏิบัติเก็บอารมณ์ ต้องมี 15 วัน อย่างมาก 3 เดือน ผู้ใหญ่สามารถปฏิบัติได้ ย่อมจะเห็นชัดเจน ในภาวะอารมณ์ของตัวเอง
แต่เรา ใช้การสังเกต เฝ้าดูเฝ้ารู้ความคิดความรู้สึก จากการกระทบสิ่งรอบข้าง ก็จะสามารถทำให้เรา ควบคุมภาวะอารมณ์ได้ ยิ่งพึงอาศัย เป็นบุคคลที่มี สติสัมปชัญญะ ย่อมทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เข้าใจในอารมณ์ได้ และทันภาวะอารมณ์ได้อย่างแท้จริง