ยิ่งกว่าละคร! “แดนนี่ ลูเซียนโน่” เล่าอดีตสุดเจ็บถูกพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่ 7 วัน
GH News April 18, 2025 09:13 PM

นักแสดงหนุ่ม แดนนี่ ลูเซียนโน่ วันนี้จะมาเล่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร โดนพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งไปตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้เพียง 7 วันต้องโตมากับคนข้างบ้าน และพอโตขึ้นมาได้ออกตามหาพ่อชาวสวิส แต่พอไปถึงถูกปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูก อีกทั้งยังเล่าเรื่องราวขนหัวลุกขณะไปพักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด เจอผีหลอกตัวเป็นๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ, เป็กกี้ ศรีธัญญา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 

ทราบข้อมูลมาว่า ตั้งแต่แดนนี่เด็ก คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ได้เลี้ยง?

แดนนี่ : อันนี่คุณแม่ที่เลี้ยงมาเล่าให้ฟังนะครับ ตั้งแต่ผมเกิดมา แม่แท้ๆ เอาไปฝากเลี้ยงตั้งแต่ช่วงผมเกิดได้ 7 วัน เขาก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่ตอนนั้น

โตมากับครอบครัวที่รับเลี้ยง?

แดนนี่ : ใช่ครับ

โตมารู้เลยไหมว่าเราไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณพ่อ คุณแม่ ?

แดนนี่ : ตอนแรกผมก็ยังไม่ทราบ จนเรารู้ความ เราค่อยๆ ถามคุณแม่ที่เลี้ยงเรามา เราก็ค่อยๆ ได้รู้ความจริงว่าเราไม่ใช่ลูกเขา เพราะตอนเด็กผมเคยตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมหน้าเราถึงเป็นฝรั่ง

พอได้รับคำตอบว่าเราไม่ใช่ลูกแท้ๆ รู้สึกยังไง?

แดนนี่  : ไม่ได้รู้สึกอะไรครอบครัวที่เลี้ยงเรามาเค้าให้ความอบอุ่น ถึงแม้ไม่ได้มีเงินเยอะ หรือฐานะที่ร่ำรวย แต่เขาให้ความอบอุ่นในการเลี้ยงดูเรา ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกขาด

ตอนที่เราถามอายุเท่าไหร่ ?

แดนนี่  : ประมาณ 4-5 ขวบ

ในครอบครัวที่เลี้ยงเรามามีพี่น้องไหม ?

แดนนี่ : จะมีพี่สาวและน้องชายคนละพ่อกัน

เห็นว่าตอนเด็กเรามีโอกาสได้เจอคุณแม่แล้ว ?

แดนนี่ : ใช่ครับ ตอนเด็กเหมือนเขามาเยี่ยมที่บ้าน ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพราะเราไม่ได้มีความผูกพันกัน

ตอนนั้นรู้ไหมเป็นคุณแม่แท้ๆ ของเรา ?

แดนนี่ : เริ่มรู้แล้วครับ เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากครับ

เท่าที่เราเห็น เราหน้าเหมือนคุณแม่ไหม?

แดนนี่ : เหมือนครับ

แล้วปฏิกิริยาตอนที่คุณแม่เจอเหมือนในหนังไหม?

แดนนี่ : เราไม่ได้คุยกันเลยครับ ผมเลยเห็นเขาเหมือนคนที่เพิ่งมาเจอกัน มีกอดกันนะครับ แต่เราจะรู้สึกกับคนที่เลี้ยงเรามามากกว่า

มีความโกรธหรือน้อยใจบ้างไหมที่ทิ้งเราไปใน 7 วัน?

แดนนี่ : ผมเคยตั้งคำถามอยู่ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าโกรธหรือเกลียดอะไรกับแม่เลย ผมเชื่อว่าแม่มีทางเลือกหรือการตัดสินใจของเขา ผมก็ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกันกับพ่อที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

เคยคิดอยากจะถามคุณแม่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ?

แดนนี่ : อยากครับ ระยะเวลาที่ผมโตมาผมก็พยามหาคำตอบอยู่ในหลายๆ เรื่องเหมือนกัน

ตอนนี้แดนนี่อายุเท่าไหร่ ?

แดนนี่ : 25 ครับ

เจอคุณแม่แล้วเคยไปตามหาคุณพ่อไหม ?

แดนนี่ : เคยพยายามค้นหาชื่อในเฟซบุ๊ก มีซองจดหมายที่พ่อเคยส่งพัสดุมา ผมเลยเอาชื่อตรงนั้นลองไปเสิร์ชดูตามกูเกิ้ล ตามเฟซบุ๊ก ก็ไปเจอยูเซอร์นึงที่เป็นฝรั่งอยู่กับภรรยาและลูกๆ เราเลยเอาภาพผู้ชายคนนี้ส่งให้แม่เลี้ยงเราดู แม่เลี้ยงก็เลยส่งไปให้แม่ที่คลอดเรามา เขาก็ว่าคนนี้แหละ ใช่ เลยได้ลองขอเบอร์มา แล้วโทรคุยกัน ตอนนั้นได้คุยกันแป๊บนึง เพราะผมใช้โทรศัพท์ระบบเติมเงิน แล้วโทรไปต่างประเทศไม่ได้ซื้อโปรโมชั่น มันก็เลยตัดไปก่อน คุยกันประมาณ 13 วินาที เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เขาพูดภาษาเยอรมัน แต่เขาพยายามพูดภาษาอังกฤษให้เราฟัง ก็บอกเหตุผลของเขา เราก็โอเคมันคุยกันไม่จบ ผ่านไปสักพักก็มีไลน์นึงทักมาหาผม เป็นเหมือนไลน์ของเพื่อนเขาทักมาคุยกับเรา เขาพยายามบอกกับเราว่าจริงๆ เขาไม่ใช่พ่อเรานะ หมายถึงเขาให้เพื่อนมาบอก

แต่คุณแม่เลี้ยงและคุณแม่ที่คลอดยืนยันว่าใช่ ความรู้สึกตรงนั้นเป็นยังไง?

แดนนี่ : ก็สตั๊นอยู่ครับ แต่ว่าก็ไปต่อครับ

พอเพื่อนคุณพ่อบอกว่าไม่ใช่ เราอยากมีความพยายามต่อไหม   อยากจะหาคำตอบไหม?

แดนนี่ : พอผมได้ไปถ่ายละครที่สวิส ได้มีการติดต่อกับเพื่อนของพ่อไว้ แต่จังหวะที่ไปถึงที่นู่นแล้ว ปรากฏว่าเพื่อนของพ่อเขาอยู่ที่ออสเตรเลีย ก็เลยไม่ได้เจอกันกับคนนี้ ตอนแรกว่าจะคุยกันและนัดกัน อย่างน้อยเราอยากเจอ อยากคุย อยากทำความรู้จัก ผมไม่ต้องการอะไรมากผมแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง คือเราไม่เคยรู้จักเลย คือแค่อยากคุย อยากรู้ว่าเรื่องตอนนั้นมันเป็นยังไงมากกว่า

เราเจอคุณแม่แต่ไม่ได้รู้สึกผูกพัน  แล้วทำไมเราถึงอยากเจอคุณพ่อ?

แดนนี่ : เพราะผมหน้าเป็นฝรั่ง ผมเลยตั้งคำถามเฉยๆ ทำไมตอนนั้นถึงทะเลาะกับแม่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ผมรู้แค่ฝั่งนี้ ผมไม่รู้อีกฝั่งว่าเรื่องมันเป็นยังไง

ตอนนี้ถอดใจหรือยัง ?

แดนนี่ : ตอนนี้รู้สึกเฉยๆ ไปแล้ว รู้สึกว่าเราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป

มีอะไรอยากจะบอกคุณพ่อ  คุณแม่ ที่เลี้ยงเรามาไหม?

แดนนี่ : ต้องขอบคุณท่านครับ เขาซัพพอร์ตเราเยอะมากๆ ต้องขอบคุณครอบครัวของเราที่ท่านดูแลเรามาจนถึงทุกวันนี้ ให้ทุกอย่าง ให้ความอบอุ่น ให้โอกาส ให้การเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณจริงๆครับ

เห็นว่าตอนเด็กเป็นคนขยันมากทำงานหาเลี้ยงตัวเอง งานแรกที่ทำคืออายุเท่าไหร่?

แดนนี่ : เป็นพนักงานเสิร์ฟโต๊ะจีน ในช่วง ป.5 คือบ้านใกล้ๆ เขาทำธุรกิจโต๊ะจีน ก็มีพี่ๆ ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ เราก็รู้สึกว่าเขาไปหารายได้พิเศษได้เงินด้วย ตั้ง 5-6 ร้อย ตอนนั้นเราอยากมีเงินไปซื้อของเล่น ไปซื้ออะไรของเรา ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ก็เลยอยากไปทำครับ

เห็นว่าทำหนักมาก  ได้นอน 2 ชั่วโมง?

แดนนี่ : ก็ตื่นตั้งแต่เช้า ตี4-5 แล้วไปเลิกงานอีกทีประมาณตี2

แล้วเรื่องเรียนล่ะ  หรือทำช่วงปิดเทอม?

แดนนี่ : ส่วนใหญ่พ่อกับแม่จะให้ไปทำช่วง เสาร์-อาทิตย์ แต่ถ้าเรียนอยู่ก็จะบอกว่าพ่อวันนี้มีงานนะขอไปหน่อย ขอลาเรียน หรือว่าเราจะตื่นไปเรียนแบบสายหน่อย

แสดงว่าทุกอย่างไม่ว่าจะทำอะไรเราจะปรึกษาคุณพ่อ  คุณแม่?

แดนนี่ : ใช่ครับ

งานในแต่ละวันทำอะไรบ้าง  หนักไหม?

แดนนี่ : ช่วงแรกผมจะเป็นพนักงานเสิร์ฟแอลกอฮอล์ก่อน พอขึ้นมาช่วง ม.1-ม.2 ก็จะมาเสิร์ฟอาหาร พอไปถึงร้านเราก็จะมาเช็คของว่าจะต้องเอาอะไรบ้าง ถ้าเป็นเสิร์ฟอาหารเราก็จะเตรียมทุกอย่างเลย เก้าอี้ โต๊ะ ขาโต๊ะ ทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะจีน เราต้องขนขึ้นรถบรรทุก พอเติมรถบรรทุกก็ไปลงที่หน้างาน แล้วเริ่มจัดของ

ความรู้สึกตอนนั้นเหนื่อยไหม ?

แดนนี่ : ผมว่าสนุก แล้วก็ได้เงิน ได้เจอพี่ๆ ที่ไปทำด้วยกัน แต่พอมาคิดตอนนี้ โห.. ตอนนั้นมันเหนื่อยมากกว่าจะได้มา 5-6 ร้อย รู้สึกว่าทำงานนานครับ

แล้วอาชีพต่อมาทำอะไร ?

แดนนี่ : พนักงานเซเว่นครับ ก็เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันครับ ตอนทำเซเว่นผมไปเริ่มงานหลังเที่ยง เพราะช่วงนั้นเราไปเรียน ปวช. ก็จะเลิกเร็วหน่อย พอเลิกเรียนเราก็กลับมาเข้างาน ก็เริ่มงานตั้งแต่บ่ายจนถึง 3-4 ทุ่ม แล้วก็กลับมาที่บ้าน มันก็จะเป็นลูปประมาณนี้

ทำไมไม่ไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ?

แดนนี่ : ตอนนั้นรู้สึกว่าอยากหาเงินอย่างเดียวเลย เราไม่อยากไปขอพ่อกับแม่ เรารู้สึกว่าเราเลี้ยงตัวเองดีกว่า ตอนนั้นมีมอเตอร์ไซค์ด้วย เราทำงานเอาเงินไปผ่อนมอเตอร์ไซค์ เพื่อขี่ไปเรียน

รายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไหร่ ?

แดนนี่ : ตอนนั้นไม่เยอะเลยครับ แต่ก็ก็พอกับค่าใช้จ่ายของตัวเอง

สมัยนั้นถึง 10,000 ไหม ?

แดนนี่ : ไม่ถึงครับ

เรามีความฝันอยากเข้าวงการบันเทิงไหม ?

แดนนี่ : เคยมีโอกาสตอนเด็กน้อย ผมยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แม่เล่าให้ฟังว่า มีโมเดลลิ่งพาผมไปแสดง ละครหรือภาพยนตร์นี้นี่แหละ แล้วผมก็งอแง ไม่เอาเลย อยู่ติดแต่กับแม่ แม่มาเล่าให้ฟังตอนโต ผมก็เลยรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ตั้งใจ ก็ผ่านไปจนมีโอกาสได้มาเจอกับผู้จัดการ ก็เลยเหมือนเป็นโอกาสครั้งใหม่ เราก็เลยแบบอยากตั้งใจทำมากกว่า

แล้วเราเข้าวงการมาได้ยังไง ?

แดนนี่ : ก็เริ่มมาแคสโฆษณา ละครบ้างช่วงแรกๆ เริ่มเรียนแอ็คติ้งมาเรื่อยๆ 

กับผู้จัดการเจอกันได้ยังไง ?

แดนนี่ : เจอกันผ่าน Facebook แม่เอารูปผมไปโพสต์ในคอมเม้นต์โพสต์หนึ่ง ที่มีพี่เอ ศุภชัย แล้วบอกว่า ฝากลูกเข้าวงการหน่อย แล้วพี่ผู้จัดการผมเข้ามาดู แล้วแกก็อยากหาเด็กเข้าสังกัดอยู่พอดี แกเลยมาถามว่าสนใจไหม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่มีโอกาสได้มาทำงาน 

เห็นว่าแคส 10 ได้ 1 มันขนาดนั้นเลยเหรอ ท้อไหม?

แดนนี่ : นิดนึงครับ แต่ก็สู้ครับ ท้อแต่ไม่ถอย

เจอเหตุการณ์ขนหัวลุกด้วย ไปเที่ยวที่ไหนมา?

แดนนี่  : เป็นช่วงปีที่แล้ว ไปจันทบุรี เป็นรีสอร์ทแห่งหนึ่ง อยู่กลางน้ำ เป็นทะเลน้ำจืด เรียกว่าน้ำกร่อยก็ได้ มันเป็นที่พักที่เราจะต้องนั่งเรือเข้าไป ตรงนั้นก็จะเป็นป่าชายเลนด้วย แล้วก็มีทะเลด้วย ไปกันประมาณ 7-8 คน ระหว่างทางที่เราลงเรือ จะต้องขี่จักรยานเข้าไปที่พัก มันจะเป็นทางเล็กๆ พอไปถึงที่พักก็ทำกิจกรรมอะไรกันเสร็จสรรพ พอกลางคืนก็นั่งเล่นเกมการ์ดกัน หลังจากนั้นก็มีน้องไปเอามาม่ามา เรารู้สึกว่าอยากกินบ้าง หิว แต่เล่นเกมกันจนเสร็จ ก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม อยากขี่จักรยานออกไปเอามาบ้าง แต่เขาไปกันหลายคน ผมไปคนเดียว มันเป็นทางเล็กๆ มืดด้วย ไม่มีคนเลย เพราะว่ามันมืดแล้ว คนเข้าที่พักหมดแล้ว แต่พอผมไปถึงบริเวณเคาน์เตอร์มาม่า ผมกวาดสายตาไปมันเป็นโรงอาหาร ผมกว่าสายตาไปเรื่อยๆ จนถึงเคาน์เตอร์ ผมไม่เห็นใครเลย จนมาถึงหางตาทางขวาที่ลงเรือ มีชุดขาว ปลิวผ่านสายตาไปผมก็เลยคิดว่านั่นคือคน เราก็ค่อยๆ ปั่นจักรยานไปจนถึงตรงนั้น แต่พอไปถึงปุ๊บไม่มีใครเลย เราก็หมุนจักรยานกลับ แล้วเห็นหมาสองตัวเดินออกมา แล้วหมาก็วิ่งมาทางเรา เหมือนจะเห่า แต่วิ่งไปข้างหลังรวมกันอีกสามสี่ตัว แล้วในจังหวะนั้นผมก็เริ่มไถมา แต่เริ่มเร็วขึ้น เพราะผมไม่มั่นใจแล้วว่ามันหอบผมหรือเปล่า เพราะมันเห่าปุ๊บก็เห่าทั้งรีสอร์ทเลย ผมก็เริ่มขี่จักรยานเร็วขึ้นเพื่อที่จะกลับไปทางรีสอร์ท ตอนนั้นคนลุกแล้ว เพราะเราอยู่คนเดียว ลมทะเลก็พัดเข้ามา

คิดว่าใช่ไหม ?

แดนนี่ : ตอนนั้นไม่อยากคิด ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอยากกลับที่พัก

แล้วได้มาม่าไหม?

แดนนี่ : ไม่ได้ ไม่เจอใครเลย แล้วปั่นจักรยานเข้าทางเล็กๆ ไฟเป็นหย่อมๆ แล้วผ่านโค้งแรก ที่พักมันเป็นงุ้มลงมา ถ้าสังเกตเราจะเห็นคนยืนแค่กระโปรงด้านล่างกับเท้า พอผมผ่านโค้งแรกมา แล้วเห็นตรงนั้นก็รู้สึกดีใจ รู้สึกใจชื้น เราเจอคนแล้ว เป็นคนใส่กระโปรงสีแดง รองเท้าคัตชูสีขาว เราก็รีบปั่นไปเพื่อจะให้ใกล้เขา แต่จังหวะที่ก้มหน้าแล้วเงยขึ้นมา เอ๊าหายไปแล้ว แล้วผมเห็นพี่ที่ไปด้วยกันออกมาข้างนอกพอดี ผมก็เลยตะโกนไปบอกว่าพี่ช่วยด้วย

ตื่นเช้ามาได้ใส่บาตรให้เขาไหม ?

แดนนี่  : เรียบร้อยครับ

 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/CXSnSa-4eyc?si=G7QvIYoKYTk7fOi0

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.