ตอนที่เห็นข่าวอาคาร 30 ชั้น ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่มหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
พอเห็นข่าวนี้ปั๊บ สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือ เป็นผลจากการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างแน่นอน
เพราะอาคาร สตง. เป็นอาคารเดียวในประเทศที่ถล่ม
ตึกอื่นอย่างดีก็ร้าว ไม่มีตึกไหนที่ถล่มเหมือนกับตึก สตง.เลย
ที่น่าเศร้ามาก ก็คือ ตึกนี้เป็นที่ทำงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
หน่วยงานที่ตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานรัฐทั้งประเทศ
ด้วยบทบาทหน้าที่ของ สตง. อาคารสำนักงานของตัวเองก็ควรจะเป็นโครงการที่ปลอดจากการคอร์รัปชั่น
และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
เป็นต้นแบบให้หน่วยงานรัฐต่าง ๆ
แต่พอยิ่งเจาะข่าวไปเรื่อย ๆ เราก็พบข้อพิรุธมากมายที่น่าเชื่อว่ามีการคอร์รัปชั่นในการก่อสร้างอาคารนี้
ทั้งการแก้ไขแบบที่วิศวกรควบคุมงานเจ้าของลายเซ็นออกมาโวยว่าเป็นลายเซ็นปลอม
ลายเซ็นคนออกแบบโครงสร้างก็เป็นวิศวกรอายุ 85 ปี ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเซ็นหรือเปล่า
และเมื่อเจาะไปที่อุปกรณ์สำนักงานบนตึกนี้ยิ่งตกใจ
องค์กรที่ตรวจงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ควรจะเป็นต้นแบบในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ใครจะไปนึกว่า สำนักงานของคนที่เป็น ประธาน สตง. ใช้พื้นที่ถึง 1 ชั้น
มีห้องประชุมใหญ่ระดับจัดคอนเสิร์ตได้
พรมผืนละแสน
โซฟาเป็นแสน
วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องทำงาน ห้องน้ำแพงกว่าราคาตลาดเป็นเท่าตัว
ระดับที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าทุจริต
ยังไม่นับว่าหน่วยงานระดับ สตง. ต้องใช้พื้นที่ทำงานขนาดตึก 30 ชั้นเชียวหรือ
หรือคิดว่ามีงบประมาณที่ฝากแบงก์ไว้ 3,000 ล้าน
จะทำอะไรก็ได้
สำหรับผม นี่คือ เรื่องที่ใหญ่มากที่รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจัง
เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นธรรมดา
แต่มันแสดงถึง “วิธีคิด” และ “มาตรฐาน” ของคนในหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจงบประมาณของหน่วยงานรัฐ
ต้องสังคายนาครั้งใหญ่
นี่คือ ปัญหาของ “องค์กรอิสระ” ทั้งหลาย ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน
เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ
เป็นโพสต์ของ “พี่ด้วง” ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกรุ่นใหญ่
เขาบอกว่าในแวดวงจะรู้กันว่า โครงการรัฐนั้นต้องจ่ายใต้โต๊ะกันประมาณ 10%
และสูงขึ้นถึง 30% ในยุค คสช.
30% เป็นตัวเลขที่ผมได้ยินมานานแล้ว
เรื่องอะไรที่เราได้ยินจนชินชาจะทำให้เราไม่ตกใจเมื่อได้ยิน
ทั้งที่เป็นเรื่องน่าตกใจ
อย่างเช่น เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการ
เราได้ยินมานานจนหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ยังไงก็ต้องจ่าย
ทั้งที่สิ่งที่ควรจะเป็น คือ ไม่ต้องจ่าย
ผมลองไปค้นข้อมูลว่างบประมาณก่อสร้างของรัฐปีหนึ่งเท่าไร
เจอข้อมูลของกรมบัญชีกลางบอกว่า มูลค่าโครงการก่อสร้างของภาครัฐปีหนึ่งประมาณ 800,000 ล้านบาท
ตกใจเลยครับ
เพราะถ้า “เงินทอน” โครงการละ 10%
งบฯที่หายไปก็ตกปีละ 80,000 ล้านบาท ถ้า 30% ก็ 240,000 ล้านบาท
ขอเพียงแค่เรามีรัฐบาลที่ไม่ทุจริต และควบคุมข้าราชการไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง
เราจะมีงบประมาณปีละ 240,000 ล้านบาท ไปพัฒนาประเทศ
รัฐบาลจะมีเงินเพียงพอในการสร้าง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”
โดยไม่ต้องเปิดประมูล
ยกตัวอย่างเรื่องนี้เผื่อเป็นแรงจูงใจให้รัฐบาลครับ
อยากได้ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”
ก็แค่ปราบคอร์รัปชั่นเท่านั้นเอง