เม่าจีนสำแดงพลังรักชาติ แห่ซื้อหุ้นเพื่อพยุงราคาตลาดในประเทศ นับตั้งแต่วันที่ทรัมป์เริ่มประกาศภาษีศุลกากรแบบตอบโต้

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า นักลงทุนรายย่อยของจีนเป็นจำนวนมาก เข้าร่วมกลุ่ม “ทีมชาติ” ที่รัฐหนุนหลัง เพื่อปกป้องตลาดหุ้นในประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิของความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐที่กำลังขยายตัว โดยจะเน้นซื้อหุ้นในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากวาระแห่งชาติ เช่น การป้องกันประเทศ การกระตุ้นภาคบริโภค และเซมิคอนดักเตอร์

เฉา หมิงเจี๋ย (Cao Mingjie) ผู้รับออกแบบบ้านจากมณฑลกวางตุ้ง กล่าวว่า เป้าหมายไม่ใช่เพื่อความร่ำรวย แต่เป็นการทำเพื่อชาติ เฉาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หลังโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในวันที่ 2 เมษายน 2025 และลงทุนเป็นเงิน 2,000 หยวน (ราว 9,000 บาท)

นับเป็นความเปลี่ยนแปลงในตลาดหลักทรัพย์ที่เจ้าหน้าที่รัฐยินดี ซึ่งช่วยลดความตื่นตระหนกของสงครามการค้า และรักษาเสถียรภาพในตลาดทุนได้เป็นอย่างดี

ดาต้าเยส (Datayes) ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน มีกระแสเงินจากนักลงทุนรายย่อยเข้าตลาดหุ้นจีนมากถึง 45,000 ล้านหยวน (ราว 200,000 ล้านบาท) เทียบกับจำนวนเงินไหลออก 6 เซสชันติดต่อกันก่อน ‘วันปลดแอกอเมริกา’ ของโดนัลด์ ทรัมป์ที่ 91,800 ล้านหยวน (ราว 415,000 ล้านบาท)

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐเคยมีการปะทะกันในปี 2015 หลังรัฐบาลจีนออกมาปราบปราบบริษัทเทค ซึ่งบั่นทอนความพยายามในการกอบกู้ตลาด แต่ในปัจจุบัน ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายกลับมาสอดคล้องกัน หลังโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าด้วยอัตราที่สูงมาก ซึ่งจีนกล่าวไว้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แม้จะมีผู้ที่ฉกฉวยโอกาสจากการแทรกแซงของภาครัฐอยู่บ้างก็ตาม

ตลาดหุ้นจีนร่วงลง 7% ในวันที่ 7 เมษายน ทำให้นักลงทุนสถาบันรับปากว่าจะซื้อหุ้นเพิ่ม โบรกเกอร์รายใหญ่รับปากว่าจะพยุงเสถียรภาพของราคา และบริษัทจดทะเบียนหลายรายประกาศแผนการซื้อหุ้นคืน

เมื่อสัปดาห์ก่อน หลี่ เฉียง (Li Qiang) นายกรัฐมนตรีจีนเร่งให้เจ้าหน้าที่รัฐพยายามรักษาเสถียรภาพของราคาในตลาดหุ้นจนสามารถเด้งกลับขึ้นมาได้ 8% จากระดับต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือน และร่วงเพียง 1.3% เท่านั้นตลอดเดือนเมษายน เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงแล้วกว่า 8%

เมิ่ง เหล่ย (Meng Lei) นักกลยุทธ์ประจำตลาดหุ้นจีนที่ยูบีเอส ซีเคียวริตี้ส์ (UBS Securities) กล่าวว่า ตลาดหุ้น A-share ของจีนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มากกว่า ซึ่งทำให้ความรู้สึกของนักลงทุนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โจว ลี่เฟิง (Zhou Lifeng) นักปีนเขาจากภูมิภาคหนิงเซีย รับปากว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มเช่นกัน แม้ว่าจะขาดทุน โดยกล่าวว่า การรักชาติคือการถือหุ้นไว้กับตัว โดยโจวกล่าวว่า เขาถือหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และด้านความมั่นคงเป็นหลัก