'พิชัย' แนะมูดี้ส์สำรวจตัวเอง วิธีปรับอันดับเครดิตที่ผ่านมา 'เวิร์ก' หรือไม่?
GH News April 30, 2025 04:09 PM

‘พิชัย’ รมว.พาณิชย์ แนะมูดี้ส์สำรวจตัวเอง วิธีปรับอันดับเครดิตที่ผ่านมา ‘เวิร์ก’ หรือไม่ เหตุปรับลดไทยโดยดูเหตุผลทรัมป์เก็บภาษี 36% ทั้งๆ ที่ยังเจรจาไม่จบ ชี้ประเมินเร็วเกินไป คาดอาจได้เจรจาเดือนพ.ค.นี้ มั่นใจได้ผลดี ดันส่งออกขยายตัวเกินเป้าที่ตั้งไว้ 2-3% พร้อมแนะ ธปท.ลดดอกเบี้ย-ดูแลเงินบาทให้อ่อนค่า หนุนส่งออก-ท่องเที่ยว

30 เม.ย. 2568 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทจัดอันดับเครดิต มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงสู่มุมมอง เชิงลบ (Negative) จากเดิมที่มีเสถียรภาพ (Stable) ว่า มูดี้ส์ตัดสินประเทศไทยเร็วไปหน่อย และน่าจะใช้เหตุผลของการถูกสหรัฐฯเก็บภาษีตอบโต้ที่สูงถึง 36% มาประกอบการพิจารณา เช่นเดียวกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก ที่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือต่ำกว่า 2% ก็มองแค่ผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ไทยยังเจรจากับสหรัฐฯไม่เสร็จ โดยขณะนี้ ไทยอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดของการเจรจา ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนแล้วเจรจาครั้งเดียวให้จบเลย ล่าสุด ทำข้อมูลได้มากแล้ว คาดว่า น่าจะเห็นการเจรจาได้จริงๆ ในเดือนพ.ค.นี้ และยังมั่นใจว่า การเจรจาน่าจะได้ผลดี และจะทำให้การส่งออกยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมองอีกว่า การปรับลดอันดับเครดิตไทยครั้งนี้ค่อนข้างแปลก เพราะ10 ปีที่ผ่านมา มูดี้ส์คงอับดับไทยที่ Stable มาตลอด แม้ว่าเศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้ดี เติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9%  แต่กลับมาปรับลดอันดับช่วงนี้ ทั้งๆ ที่การส่งออกของไทยกำลังขยายตัวดีมาก เติบโตต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน และยังคาดว่า จะเติบโตต่อไปอีก คาดว่า ปีนี้การส่งออกของไทยจะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2-3% ด้วยซ้ำ

“มูดี้ส์ มองไม่เห็นภาพรวมของประเทศไทย ที่เรากำลังเจรจากับสหรัฐฯ และการส่งออกยังคงขยายตัวได้ดีต่เนื่อง มูดี้ส์ต้องมองตัวเองก่อน และต้องดูการคาดการณ์ของตัวเองด้วยว่า ที่ทำมา มันเวิร์คไหม หากมีการประเมินอันดับไทย โดยใช้อัตราภาษีตอบโต้ ที่คาดว่าฯจะเรียกเก็บ 36% ก็ต้องไปปรับลดประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น เวียดนาม เพราะสหรัฐฯประกาศเก็บอัตราสูงกว่าไทย”

อย่างไรก็ตาม กรณีถูกปรับลดอันดับเครดิตครั้งนี้ ไม่ทำให้กังวลว่า ต่างชาติจะไม่เชื่อมั่นไทย มั่นใจว่า ประเทศไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เพราะนโยบายของรัฐบาลเดินมาถูกทาง โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ที่ล่าสุด ต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยให้ขยายตัวได้มากขึ้น แต่ก็ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดต้นทุนทางการเงินให้กับคนไทย และผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะมีส่วนทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวมากขึ้นด้วย

“ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จะช่วยสนับสนุนการส่งออกและภาคท่องเที่ยว  โดยจากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ถามผมว่า เศรษฐกิจไทยไม่ดี แต่ทำไมเงินบาทกลับแข็งค่า และแข็งมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันมาก โดยแข็งค่ามากกว่าตอนไทยมีวิกฤติต้มยำกุ้งด้วยซ้ำ แต่คู่แข่งอื่นๆ อ่อนค่ากว่าไทยมาก เพื่อช่วยส่งออก และทำให้เศรษฐกิจขยายตัว จึงอยากให้ธปท.ลดดอกเบี้ย และดูแลค่าเงินบาทด้วย”

ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 500,000 ล้านบาทนั้น อยากทำความเข้าใจว่ารั ฐบาลไม่ได้บอกว่าจะกู้เงินทั้ง 500,000 ล้านบาท และก็ไม่ได้หมายความว่า จะใช้หมด แต่เตรียมเงินไว้ดีกว่าไม่เตรียม ที่สำคัญปัจจุบันไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากถึง 200,000 ล้านบาท เพียงพอที่จะใช้หนี้ได้แบบไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.