เครื่องจักรนับ 100 ล้านจอดทิ้งไร้ค่า! สนง.ทรัพยากรน้ำ ภาค 9 แจงติดปัญหาขนย้าย
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า พบเห็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งคิดว่าเป็นเรือขุดเจาะดูดโคลนดูดทราย ราคาหลายสิบล้านบาท ซึ่งเป็นของกรมทรัพยากรน้ำ จึงได้ลงพื้นที่ไปที่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์พิจิตร หรือ มจร.พิจิตร ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บ้านบุ่ง อ.เมืองพิจิตร ก็พบเห็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ 2 ตัว จึงสอบถามพระสงฆ์และนักศึกษาที่ มจร.พิจิตร ก็ได้ความว่าเครื่องจักร 2 ตัวดังกล่าวนี้เป็นของกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งมีราคาตัวละประมาณ 40-50 ล้านบาท
โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ประมาณปี 2564/65 สำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 9 เป็นผู้นำเครื่องจักรทั้ง 2 ตัวนี้มา เพื่อจะทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำใน มจร.พิจิตร แต่เมื่อมาถึงเครื่องจักร 2 ตัวดังกล่าว มาเจอสภาพดินที่ มจร.พิจิตร เป็นดินดานมีความแข็ง ไม่ใช่ดินโคลน หรือดินทราย เครื่องจักรทั้ง 2 ตัวนี้ จึงไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ จากนั้นก็ได้จอดทิ้งตากแดดตากฝนไว้มีสภาพอย่างที่เห็น ซึ่งดูเหมือนไม่ปรากฏร่องรอยของการใช้งานเลย ผู้สื่อข่าวพยายามจะขอสัมภาษณ์พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ใน มจร.พิจิตร แต่ทุกท่านบอกไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ยอมพูดคุยเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามกับพนักงานเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งที่สำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 9 ยอมรับว่า เครื่องจักรเป็นของกรมทรัพยากรน้ำ จริงๆ แต่ที่ต้องทิ้งไว้อย่างนั้น เนื่องจากติดปัญหาเรื่องของการขนย้าย ยืนยันว่าเครื่องจักรยังสามารถใช้งานได้ แต่ถ้าจะขนย้ายต้องถอดแยกชิ้นส่วนยกขึ้นรถเทรลเลอร์ 2 คัน หรือ 2 เที่ยว จะมีค่าใช้จ่ายคันละ 2 ล้านบาท จึงไม่มีปัญญาขนย้าย แต่ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาดูมาสตาร์ท เพื่อวอร์มบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำทุกเดือน ทำได้แค่เพียงเท่านี้เอง
ในส่วนของสังคมโซเชียล เพจ:พิจิตรทันข่าว โดยนักข่าวประจำท้องถิ่นก็ได้รายงานเรื่องนี้ ซึ่งก็มีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น รายแรกบอกว่า “กรมนี้เค้ารวย” ส่วนอีกรายหนึ่งก็บอกว่า “เวลาของบช่วยเหลือชาวบ้านกว่าจะอนุมัติตรวจแล้วตรวจอีก ทีงบซื้อเครื่องจักรเอามาจอดทิ้งไว้แบบนี้ 40-50 ล้าน รีบอนุมัติเห็นแล้วหดหู่ใจ”
บางคนก็บอกว่า “งานวันเด็กปีหน้า คงได้ใช้แน่นอน” และยังมีคอมเมนต์อื่นๆ อีกมากมายที่เขียนออกเชิงประชดประชันในการใช้งบประมาณของทางราชการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ดังกล่าวว่า เสียดายเงินภาษีของประชาชนและประเทศชาติ