ยอมรื้อถอนแล้ว! อาคารใหญ่ริมน้ำสาย เจ้าหน้าที่เร่งวางพนัง ขุดลอกคืบหน้าต่อเนื่อง
วันที่ 10 พ.ค.2568 นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย มอบหมายให้นายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายปวเรศ ปัญญายงค์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง ร่วมประชุมหารือการแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาแม่น้ำสายชายแดนไทย-เมียนมา เอ่อล้นเข้าท่วมเหมือนปลายปี 2567 หลังไทย-เมียนมา ได้ตกลงจะมีการขุดลอกและทำพนังกั้นแม่น้ำไปตลอดแนวที่น้ำเคยท่วมตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.-20 มิ.ย.2568 แต่ปรากฎว่ามีเจ้าของอาคารหลายแห่งที่ตั้งอยู่ริมน้ำไม่ยอมชี้จุดให้รื้อถอนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารกรมการทหารช่างไม่สามารถเข้าปรับพื้นที่เพื่อตอกเสาเข็มและวางพนังกั้นได้
การประชุมมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหลากหลายโดยนอกจากฝ่ายปกครองยังมีกรมเจ้าท่า ที่ดิน ป่าไม้ ฯลฯ ซึ่งพบว่าเจ้าของอาคารริมน้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ หมู่ 7 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ได้ยินยอมและให้ความร่วมมือในการให้รื้อถอนอาคารดังกล่าวบางส่วนเป็นการนำร่องเพื่อช่วยให้แม่น้ำสายกว้างขึ้น
เจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำเป็น "บันทึกแสดงความยินยอมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง" แล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เคยเจรจากับเจ้าของอาคารริมฝังซ้ายของสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 แล้ว 14 ราย เจรจาแล้ว 11 ราย ส่งจดหมายถึง 3 ราย หลังพบว่าตั้งอยู่บนที่ของกรมธนารักษ์จึงมีการยกเลิกสัญญาเช่าใช้เดิมและทำการรื้อถอนเพื่อก่อสร้างแล้ว ทำให้ในปัจจุบันการทำพนังกั้นแม่น้ำสายฝั่งไทยมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 20% เร็วกว่าแผนงาน 0.18% โดยเจ้าหน้าที่กรมการทหารช่างได้ทำการปรับพื้นดินริมฝั่งก่อนและฝังเสาเข็มห่างกันประมาณ 1 เมตร ลึกลงไปในดิน 4 เมตร อยู่เหนือดิน 3 เมตร ระยะทางประมาณ3 กิโลเมตร
ด้านการขุดลอกแม่น้ำสายทางการเมียนมา ยังไม่มีการดำเนิน การในส่วนที่รับผิดชอบ 12.8 กิโลเมตร แต่จากการประสานงานงานระหว่าง จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ครั้งล่าสุดได้คำตอบว่าจะทำการขุดลอกให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาแน่นอน ขณะที่การขุดลอกในแม่น้ำรวกซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบของฝ่ายไทยทางกรมการทหารช่างและกองทัพภาคที่ 3 ได้แบ่งกันขุดลอกความยาว 32 กิโลเมตรโดยนำดินขึ้นมาฝั่งไทย โดยกองทัพภาคที่ 3 ขุดลอกระยะทาง 14 กิโลเมตร และกรมการทหารช่างขุดลอกระยะทาง 18 กิโลเมตร ปัจจุบนคืบหน้าไปแล้วประมาณ 9% เร็วกว่าแผนงาน 0.51%.