มท.1 สั่งกรมการปกครองปฏิบัติการต่อเนื่องจับคอนโดเถื่อน ปล่อยเช่ารายวัน!
(13 พ.ค. 68) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับผู้ที่นำห้องของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อื่น ๆ โดยกรมการปกครอง ยังคงมีประชาชนร้องเรียน และเเจ้งเบาะเเสมาอย่างต่อเนื่อง
น.ส. ไตรศุลี กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจากสื่อต่าง ๆ ว่าที่ผ่านมา กรมการปกครองได้นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำห้องของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวันทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อันเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 โดยกรมการปกครองได้เป้าหมาย ภายหลังจากที่สื่อได้นำเสนอเป็นข่าว ยังพบว่ามีประชาชนได้รับความเดือดร้อนและมีการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในพื้นที่ ย่านสาทร ที่มีการนำห้องอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งทางสำนักงานเขตสาทร ได้ร่วมกับ กรมการปกครอง และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจสอบและแนะนำตักเตือนทางนิติบุคคลอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ไปแล้ว แต่ก็ยังมีการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการปล่อยเช่าห้องชุดเป็นรายวัน และมีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในพื้นที่ย่านหัวหมาก ยังพบโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต เปิดให้บริการเป็นรายวัน
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างทันท่วงที นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงได้สั่งการให้พนักงานฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน พร้อมทั้งดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้นำห้องของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน และโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตโดยทันที
น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า ทางด้านกรมการปกครอง นำโดยนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการปล่อยเช่าอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) รายวัน ซึ่งได้มอบหมายให้นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง และ นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ เข้าตรวจสอบอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ที่ปรากฎในข่าวดังย่านสาทร จำนวน 1 แห่ง และโรงแรมไม่มีใบอนุญาต ย่านหัวหมาก จำนวน 1 แห่ง อันเป็นการกระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 ฐานประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามมาตรา 4, 15 และ 59 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
โดยเวลาประมาณ 15.00 น. (13 พ.ค. 68) กรมการปกครอง นำโดย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการปล่อยเช่าอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) รายวัน ซึ่งได้มอบหมายให้ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง และ นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ นายธวัชชัย แพงไทย ผู้อำนวยการเขตสาทร ดำเนินการสืบสวนตามข้อร้องเรียนและที่ปรากฎในข่าวดัง พบผู้นำห้องในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน ในพื้นที่ ย่านสาทร จำนวน 1 แห่ง และโรงแรมไม่มีใบอนุญาต ย่านหัวหมาก จำนวน 1 แห่ง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำอันฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 มาตรา 4, 15 และ 59 มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ โดยทั้ง 2 แห่ง เจ้าพนักงานได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบ และดำเนินคดีโดยมีรายละเอียด ดังนี้
เป้าหมายที่ 1 นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย สำนักการสอบสวนและนิติการ และนายสานุพัฐ เด่นธรรม ผู้อำนวยการส่วนการอนุญาตโรงแรมและกฎหมายสถานบริการ และนายชนะ ชุ่มช่วง ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนคดีอาญา พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง รวมทั้ง เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตสาทร เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ได้เข้าตรวจสอบอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ย่านสาทร กรุงเทพมหานคร ตามที่ปรากฏในข่าวดัง พบผู้นำห้องในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน ในพื้นที่ ย่านสาทร ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เกรงว่าผู้อยู่อาศัยในอาคารจะไม่ได้รับความปลอดภัยและไม่สะดวกกับการใช้พื้นที่ส่วนกลาง เจ้าพนักงานจึงได้แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวทำการจองห้องพักจำนวน 1 ห้อง ผ่านแอปพลิชัน AirBnB ในวันที่ 13 – 14 พฤษภาคม 2568 เป็นเวลา 1 คืน ในราคาห้องละ 68 USD ประมาณ 2,300 บาท ต่อมา ผู้ให้เช่าแจ้งให้สายลับติดต่อผ่าน whatsapp ที่ผู้ให้เช่าได้ให้ไว้ โดยแจ้งว่าเมื่อถึงเวลาเช็คอินและได้เดินทางมาถึงหน้าอาคาร ให้โทรแจ้งและถ่ายภาพใบหน้าสายลับส่งให้ผู้ให้เช่าผ่าน whatsapp จากนั้นได้มีนางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 25 ปี รายหนึ่งเดินออกมารับสายลับบริเวณหน้าตึก A และพามายังชั้น 5 และเข้าพัก ซึ่งห้องที่สายลับได้เข้าพัก ยูนิต A516 ชั้น 5 มีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์สำหรับใช้วันต่อวัน ลักษณะเหมือนห้องพักตามโรงแรมทั่วไป เจ้าพนักงานจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ จากนั้น เจ้าพนักงานได้สอบถามนางสาวเอ (นามสมมุติ) ทราบว่า ได้รับจ้างจากกลุ่มบริษัทที่มีบุคคลชาวต่างชาติเป็นเจ้าของให้ดำเนินการเป็นคนนำกุญแจให้แก่ผู้เข้าพัก โดยนางสาวเอ (นามสมมุติ) ได้พาเจ้าพนักงานไปตรวจสอบสำนักงาน ซึ่งอยู่บนชั้น 6 ของอีกอาคารหนึ่งภายในบริเวณเดียวกัน พบว่ามีคีย์การ์ดห้องพักอีกกว่า 30 ห้อง โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าปล่อยเช่าเป็นรายวันหรือรายเดือน นอกจากนี้ยังพบเอกสารการเป็นเจ้าของห้อง และเอกสารของผู้เช่าที่ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ (สัญชาติจีน) เจ้าพนักงานจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ประกอบธุรกิจ ในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ. โรงแรมฯ มาตรา 4, 15 และ 59 ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เป้าหมายที่ 2 นายพิพัฒน์ยชญ์ วัชฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนกำกับและตรวจสอบ พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ได้เข้าตรวจสอบสถานที่พักรายวันซึ่งไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ย่านหัวหมาก สายลับได้แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวทำการจองห้องพักทำการจองห้องพักจำนวน 1 ห้องผ่านเว็บไซต์ Agoda ในวันที่ 13 – 14 พฤษภาคม 2568 เป็นเวลา 1 คืน ในราคาห้องละ 683.36 บาท ต่อมาสายลับได้ดำเนินการเช็คอินเพื่อทำการเข้าพัก ซึ่งได้ห้องพักหมายเลข 705 ภายในห้องมีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์สำหรับใช้วันต่อวัน สายลับจึงส่งสัญญาณแจ้งให้เจ้าพนักงานทราบ จากนั้นเจ้าพนักงานได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบ พบพนักงานให้บริการอยู่ภายในอาคาร และทราบว่าเจ้าของสถานที่ดังกล่าวเป็นนิติบุคคล เป็นสถานที่พักไม่มีใบอนุญาตประกอบโรงแรม เปิดให้บริการห้องพักรายวัน จำนวนกว่า 200 ห้อง ซึ่งเป็นการดำเนินการประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานและเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้ข้อมูล พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษกรรมการนิติบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในความผิดฐานประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ. โรงแรมฯ มาตรา 4, 15, และ 59 ต่อพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กรมการปกครองจะขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการปล่อยเช่าคอนโดรายวันเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ทุกจังหวัดบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกตรวจตราเข้มงวดกวดขันผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้แก่ประชาชนให้ทราบว่า การนำห้องในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย หากพบการกระทำความผิด หรือได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถร้องเรียน หรือ แจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ ทุกแห่งทั่วประเทศเพื่อพนักงานฝ่ายปกครองจะได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป