ดีเอสไอเผยสอบโยงเส้นเงินฮั้ว ส.ว.แล้ว 1,200 ราย ส.ว.ปิดวาจาชิ่งสื่อ ปมหมายเรียกกกต.
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานในงานสัมมนาเศรษฐกิจโลกกับบทบาทของจีน-ไทย เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม หลังเปิดเสร็จได้เดินหลบออกทางด้านหลัง ซึ่งไม่ใช่ทางเดียวกับตอนที่เดินเข้าห้องสัมมนา แต่ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ประเด็นที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง กกต.คณะที่ 26 ลงนามออกหนังสือเชิญ สว. 55 คน เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ว่าได้รับหนังสือแล้วหรือยัง พลเอกเกรียงไกร พยายามเดินหนี และบอกว่า “ไม่ให้สัมภาษณ์”
เช่นเดียวกับนายอลงกต วรกี ส.ว. ซึ่งมีชื่ออยู่ในส.ว.ลอตแรกรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วสว. ก็ไม่ได้ยืนให้สัมภาษณ์ บอก ตอนนี้ไม่พูดถึงแนวทางแล้ว นักข่าวก็ถามว่าครั้งนี้เป็นหมายเรียกของกกต. จะเดินทางไปชี้แจงหรือไม่ สว.อลงกต ตอบกลับว่า “ไปอยู่แล้ว”
ระหว่างการพูดคุย นายอลงกต พยายามจะเดินหนีผู้สื่อข่าว โดยพยายามจะเปิดประตูไปด้านนอก แต่ปรากฎประตูเปิดไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้ามาช่วยนำทาง พร้อมทั้งไม่ตอบคำถามใดๆ บอกว่า “ไปก่อนจ้า ไม่สะดวกจ้า”
ผู้สื่อข่าวจึงย้ำว่ามีการคุยกันให้ปิดวาจาใช่หรือไม่ นายอลงกต ตอบสั้นๆ ว่า “อืม” ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป จากนั้นไม่นานนายอลงกต ออกมาจากห้องน้ำมาพร้อมกับทำท่าเอามือปิดปากทั้ง 2 ข้าง และเดินออกจากห้องประชุมทันที
ขณะที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขั้นตอนการรับทราบข้อกล่าวหาเป็นเรื่องของกกต. ที่มีดีเอสไอเข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายอลงกต วรกี ที่ย้ำว่าวุฒิสภา ศักดิ์สูงกว่าดีเอสไอ พันตำรวจเอกทวี ย้อนกลับแรงว่า “ถ้ามีวุฒิภาวะคงไม่พูดลักษณะนั้น ปกติคนที่มีเกียรติ ต้องให้เกียรติคนอื่นก่อน”
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ กกต. ให้ส.ว. ที่ถูกกล่าวหา ชี้แจงเป็นเอกสาร แต่หากมี สว. รายใด ต้องการเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หรือ กกต. เรียก สว. เข้าให้ปากคำ ตนเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ซึ่งร่วมสอบสวนกับกกต.ตามที่ กกต. ร้องขอมาก่อนหน้านี้จะเข้าร่วมในการรับฟังด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มาใช้กับสำนวนคดีอั้งยี่และฟอกเงิน ที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนดีเอสไอ จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา ส.ว. ในฐานฟอกเงินและอั้งยี่ ได้ ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้หรือไม่นั้น อยากให้เข้าใจว่าการทำงานของ กกต. และดีเอสไอ ต่างกัน กล่าวคือกกต. กฎหมายกำหนดให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ยุติธรรมและการลงโทษ เป็นเรื่องของการตัดสิทธิ แต่ดีเอสไอเป็นเรื่องของความผิดทางอาญา ต้องทำด้วยความรอบคอบ ทั้งการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา และต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา นำหลักฐานมาหักล้างก่อนที่จะประเมินและสรุปสั่งคดี โดยขณะนี้ มีการสอบบุคคลที่เกี่ยวกับเส้นเงินไปแล้วกว่า 1,200 ราย ดังนั้น ยังไม่อยากยืนยันว่า จะแจ้งข้อหาได้ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม หรือไม่ แต่ยืนยันเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่