เอ็มจีซี-เอเชีย โชว์ผลกระกอบการไตรมาสแรก ทำกำไร 678% ผลจากจากรถอีวี XPENG-ZEEKR เริ่มส่งมอบ ส่วนรถเช่า SIXT และ Alpha X โตพรวดเด่น คาดครึ่งปีแรกโตต่อเนื่อง รับเทรนด์อีวีโต
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม 2568) บริษัทมีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 678% และมีรายได้รวม 4,065 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% (YOY)
ทั้งนี้ เป็นจากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน The 46th Bangkok International Motorshow และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมทุน นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย (Neo Mobility Asia) ที่มีการส่งมอบรถยนต์ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4/2567 จนถึงปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งบริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ที่รายได้เติบโตในหลายทีมประกันภัยที่มีลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายใหม่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น
แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัว ซึ่งเป็นผลจากแรงกดดันจากวิกฤตสงครามการค้า ทำให้สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความผันผวน และเริ่มเปราะบางมากขึ้น แต่ MGC-ASIA ยังคงเดินหน้าฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ
โดยมุ่งปรับกลยุทธ์และโครงสร้างการดำเนินงานเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศธุรกิจ ด้วยการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อสร้างโอกาสและเสริมพลังร่วมกันระหว่างธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่ทันสมัย มุ่งสู่การสร้าง New S-curve และกระจายรายได้ในอนาคต
ทั้งนี้จะเห็นว่าบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในส่วนของธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ มีรายได้อยู่ที่ 2,650.30 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน The 46th Bangkok International Motorshow ที่ผ่านมา อย่าง แบรนด์ XPENG ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมี่ยม-เทค และ ZEEKR ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมี่ยม-ลักเซอรี่ ที่มีกระแสตอบรับดีมาก ทำให้ยอดจองซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดย XPENG มียอดจอง 1,399 คัน ทำให้เกิดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนจากบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ที่ให้บริการทั้งจัดจำหน่าย และธุรกิจเกี่ยวเนื่องในกลุ่มธุรกิจ EV ทั้งหมด
รวมถึงกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ มีรายได้อยู่ที่ 952.20 ล้านบาท จากมียอดการเข้าใช้บริการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) และการให้บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะกลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่า และพนักงานขับ มีรายได้อยู่ที่ 426.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.20% จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนรถยนต์ในฟลีต โดยบริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด (MCR) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะยาว
ขณะที่ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย (SIXT) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้น สำหรับบุคคลทั่วไป มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวโดยรวมจะชะลอตัว แต่ SIXT มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และฐานลูกค้า SIXT เป็นลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม-ลักเซอรี่ และกลุ่มลูกค้า Self drive จึงไม่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ บริษัทยังเร่งเดินหน้าขยายสาขาทั่วประเทศ จากปัจจุบันขยายจำนวนรถเพิ่มขึ้นกว่า 20% และเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ระดับพรีเมี่ยม-ลักเซอรี่ ที่ยังคงมีดีมานด์การใช้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านการเงิน ภายใต้ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนธุรกิจหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1.การเติบโตด้วยธุรกิจ Wealth Lending ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (Ultra-High Net Worth),
2.การควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ และ 3.การจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ ที่แม้ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเร็วและสูงกว่าที่คาดจากลูกหนี้กลุ่มที่บริษัทรับเข้ามาตั้งแต่ช่วงเริ่มธุรกิจที่ด้อยคุณภาพลงจากภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดทุน แต่ด้วยการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถมีผลกำไรได้ตามแผนที่วางไว้
และธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) สามารถทำรายได้แตะระดับ 86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท โดยสามารถสร้างรายได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ได้แก่ ทีมรถยนต์, ประกันภัยต่อ, ทีมงานอัญมณีเครื่องประดับ, งานศิลปะ, ทีมงานประกันภัยทางการเงิน และทีมงานประกันภัยไซเบอร์ ขณะเดียวกันยังเดินหน้ารักษาการต่อสัญญาของลูกค้าเดิม และขยายสู่กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น
ดร.สัณหวุฒิ กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2568 นั้น บริษัทยังคงวางกลยุทธ์สู่การต่อยอดการเติบโตใน 4 ธุรกิจสู่การสร้าง New S-curve อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า XPENG ที่เตรียมทยอยส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงไตรมาส 2/2568 อีกกว่า 1,500 คัน
ส่วนแบรนด์ ZEEKR ก็มีแนวโน้มส่งมอบรถอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ตามเทรนด์รถ EV ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ส่งผลให้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 บริษัทมีสินค้ารอส่งมอบ (Backlog) 2,159 คัน แบ่งเป็น XPENG จำนวน 1,265 คัน, ZEEKR จำนวน 248 คัน, Rolls-Royce จำนวน 8 คัน, BMW จำนวน 179 คัน, MINI จำนวน 62 คัน, HONDA จำนวน 228 คัน, Harley-Davidson จำนวน 67 คัน และ BMW Motorrad จำนวน 102 คัน
ส่วน Alpha X ที่จะมุ่งเน้นการเติบโตการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลจากปัจจัยสนับสนุนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2% เหลือ 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง และเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อธุรกิจที่สามารถเปิดโอกาสให้การลงทุนและสินเชื่อเอกชนกลับมาฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด วางกลยุทธ์การเติบโตบริษัทได้มีการขยายการให้บริการครอบคลุมไปยังภาคพลังงานและพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) ที่สอดคล้องกับนโยบายลดมลพิษทางอากาศของประเทศ รวมถึงกลุ่มประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance)
ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้พัฒนาแผนความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับลูกค้าและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว