KCC ได้ฤกษ์ขยายขอบเขตซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพแล้ว ฐานะการเงินปึ๊ก คืนหนี้ก่อนกำหนด 250 ล. 
GH News May 15, 2025 09:43 AM

KCC ได้ฤกษ์ขยายขอบเขตซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพแล้ว ฐานะการเงินปึ๊ก คืนหนี้ก่อนกำหนด 250 ล. 

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยถึงภาพรวมการทำธุรกิจในไตรมาสแรกของปี 2568 ว่า บริษัท เคซีซี แอสเซท รีคัฟเวอรี จำกัด (KCCAR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยบริษัทถือบริษัทย่อยนี้ 100% ได้เริ่ม ลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และอยู่ระหว่างหาทรัพย์ที่น่าสนใจที่จะเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวให้กับกลุ่มบริษัทแล้ว ซึ่งในไตรมาส 1 ปีนี้ กลุ่มบริษัทได้เข้าลงทุนในพอร์ตใหม่รวมทั้งสิ้น 67 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนผ่าน KCCAMC จำนวน 66 ล้านบาท และลงทุนผ่าน KCCAR จำนวน 1 ล้านบาท และสำหรับ KCCAR ปีนี้ตั้งเป้าซื้อหนี้ที่ 200 ล้านบาท โดยจะทะยอยซื้อหนี้เพิ่มเข้ามาในไตรมาสสองปีนี้

สำหรับผลดำเนินงานรวมของกลุ่มนั้นในไตรมาส 1 ปี2568 มีรายได้รวม 60 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 61.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.9 ล้านบาทลดลง 15% เทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ16.4ล้านบาท

“ รายได้และกำไรที่ลดลง เป็นผลรายได้ดอกเบี้ยรับ NPL ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท รายได้ดอกเบี้ยรับในตรมาสนี้ลดลง เนื่องจากการลดลงของพอร์ตลูกนี้ที่เป็นผลมาจากการจ่ายชำระเงินของลูกหนี้ที่ค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง ในไตรมาส 4/2567 มีการปรับรายได้ดอกเบี้ยของพอร์ตลูกหนี้ที่ซื้อในปี 2567 จึงทำให้รายได้ดอกเบี้ยในไตรมาสนั้นอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ (one-time adjustment) อย่างไรก็ตามในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีการซื้อพอร์ตลูกหนี้เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มีการรับรู้รายได้ของลูกหนี้ดังกล่าว แม้รายได้ดอกเบี้ยจะลดลง แต่ภาพรวมยัง สะท้อนความมั่นคงของโมเดลรายได้ระยะยาว จากพอร์ตคุณภาพที่สร้าง IRR ต่อเนื่อง ” นายทวีกล่าว

นายทวีกล่าวว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 2,285.9 ล้าน ลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 เป็นผลจากการนำกระแสเงินสดที่ได้รับจากการรับชำระหนี้จากลูกหนี้ ไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนด 250 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2568 แต่บริษัทได้ชำระหนี้หุ้นกู้ ไปก่อนหน้าเมื่อเดือนธันวาคม ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 บริษัทมีหนี้สิน ทั้งหมด 1,061 .9 ล้านบาท ลดลง 17% จากสิ้นปี 2567 รวมถึงมีการลงทุนซื้อพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น การดำเนินการเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาความมั่นคงด้านสถานะทางการเงิน เพราะการชำระหนี้หุ้นกู้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต ขณะที่การลงทุนในพอร์ตใหม่ยังอยู่ภายใต้เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงและ

อัตราผลตอบแทน (IRR) อย่างรอบคอบ ทำให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพของพอร์ตสินทรัพย์ไว้ในระดับที่ดี และวางรากฐานเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในระยะถัดไป

นอกจากนี้การคืนหนี้ก่อนนอกจากช่วยลดต้นทุนทางการเงิน จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในอนาคตที่ลดลงแล้ว ยังช่วยให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความแข็งแรงมากขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวดีขึ้น ช่วยเสริมความยืดหยุ่นในการบริหารเงินทุนและรองรับการลงทุนในพอร์ตใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต ทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารหนี้อย่างมีวินัย และสร้างกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนระยะยาว โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทเท่ากับ 1,224.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2567 จากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง

นายทวี กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ตั้งแต่การคัดเลือกและลงทุนในพอร์ต NPL และ NPA ใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูง ภายใต้การวิเคราะห์อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ตสินทรัพย์ให้แข็งแรงและให้ผลตอบแทนที่สมดุลกับความเสี่ยง ทั้งนี้ในปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ที่บริษัท อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบสินทรัพย์( ดิวดีลิเจนท์) เพื่อประมูลซื้อ รวมถึงการเร่งดำเนินการบริหารพอร์ตเดิมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ทั้งแนวทางเจรจา การปรับโครงสร้างหนี้ และการดำเนินคดีอย่างเหมาะสม เพื่อเปลี่ยนพอร์ตหนี้ให้เป็นกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.