รมช.คลัง แถลงผลงานจับบุหรี่เถื่อน ยึด 3.5 หมื่นซอง มูลค่ากว่า 4 ล้าน
GH News May 15, 2025 10:03 AM

รมช.คลัง แถลงผลงานสสพ.ภาค7 ตามนโยบาย Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพลามิตต้องเป็นศูนย์

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่สำนักงานสรรพสทมิต ภาคที่7 ต.ดอนยายหอม อ.เมืองนครปฐม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลงพื้นติดตามผลการดำเนินงานของสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ในสังกัด ภายใต้นโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์”ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามการลักลอบจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีน.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ รองอธิบดี ร่วมเดินทางมาด้วย โดยนายวิศิษฐ วขิรวิรุฬห์ ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพวฝสามิต ภาคที่7 รายงานผลการจับกุม และตรวจยึดของกลางฯ

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนแนวทางการปฏิบัติงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเร่งรัดปราบปรามบุหรี่เถื่อน ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตอย่างแพร่หลายผ่านการลักลอบนำเข้ามาตามแนวชายแดนและนำมาจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 ได้รับรายงานว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่จากพื้นที่ชายแดน อ.สังขละบุรีผ่านช่องทางธรรมชาติในลักษณะกองทัพมด ซึ่งเป็นการลำเลียงนำสินค้าเข้ามาในปริมาณน้อยแต่ทำอย่างต่อเนื่องเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จากการสืบสวนและเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางบุหรี่ที่มิชอบด้วยกฎหมายได้ 35,250 ซอง แบ่งเป็นบุหรี่ตรากรองทิพย์ 90 (FOR EXPORT ONLY) ซองอ่อน 30,000 ซอง, บุหรี่ตรากรองทิพย์ 90(FOR EXPORT ONLY) ซองแข็ง 5,150 ซอง และบุหรี่ต่างประเทศตรา D&:J&J จำนวน 100 ซอง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางภาษีและค่าปรับรวม 4,707,894.48 บาท

“จากข้อมูลและแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่าเส้นทางการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก คือ ลักลอบนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศผ่านทางไปรษณีย์จากประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีนักท่องเที่ยวลักลอบนำติดตัวเข้ามาในประเทศเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต และ ลักลอบนำเข้าบุหรี่ในประเทศ ผ่านช่องทางธรรมชาติในลักษณะกองทัพมด ซึ่งมีการรวบรวมไว้ในปริมาณมากก่อนลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศเพื่อนำออกจำหน่าย” นายเผ่าภูมิ กล่าวและว่า

ผลจากการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 ระหว่าง 1 ตุลาคม 2567 – 31 มีนาคม 2568 สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ในสังกัดสามารถปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายได้รวมทั้งสิ้น 1,254 คดีเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 28.26 คิดเป็นค่าปรับ 51.49 ล้านบาท และประมาณการด่าปรับ148.06 ล้านบาท ทั้งนี้ คดีที่พบมากที่สุด คือ คดียาสูบ คิดเป็นร้อยละ 57.34 รองลงมา คือ คดีสุรา คิดเป็นร้อยละ32.78 จำแนกเป็น ยาสูบ 719 คดี ค่าปรับ 29.88 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 142.68 ล้านบาทจำนวนของกลาง แบ่งเป็นยาสูบในประเทศ 75,289 ซอง และยาสูบต่างประเทศ 73,367 ซอง, สุรา 411 คดี ค่าปรับ 6.40 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 777,600.50 บาท จำนวนของกลาง แบ่งเป็นสุราในประเทศ 5,702.810 ลิตร และสุราต่างประเทศ 552.640 ลิตร, น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 12 คดี คดี ค่าปรับ 800,166.00 บาท ประมาณการค่าปรับ4.58 ล้านบาท จำนวนของกลาง 91,082 ลิตร, รถจักรยานยนต์ จำนวน 34 คดี ค่าปรับ 810,166.00 บาท ของกลาง 1,286 คัน, ไพ่ 35 คดี ค่าปรับ 190,668.00 บาท ประมาณการค่าปรับ 24,804.00 บาท ของกลาง 893 สำรับ, รถยนต์ จำนวน 7 คดี ค่าปรับ 315,306.11 บาท ของกลาง 348 คัน, เครื่องหอมและเครื่องสำอาง จำนวน 14 คดี ค่าปรับ 884,373.08 บาท, เครื่องดื่ม 15 คดี ค่าปรับ 119,675.50 บาท ของกลาง 2,077.04 ลิตร และ แบตเตอรี่ 7 คดี ค่าปรับ 12,101,174.23 บาท ของกลาง 36,716 ก้อน

“ขอให้กรมสรรพสามิตและหน่วยงานในสังกัดเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “Zero Tolerance”อย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี คุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องพร้อมยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนทั่วประเทศ” นายเผ่าภูมิ กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.