(16 พ.ค.68) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แลกเปลี่ยนแนวคิด และวิสัยทัศน์ผ่านนโยบาย “สลากออมทรัพย์เพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพ” หรือ “สลาก กอช”
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ สัดส่วนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นถึง 20% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ในอีก 10 ปี จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด โดยมีประชากรสูงอายุ เกิน 28% ของประชากรทั้งหมด
จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจ สวัสดิการ และความมั่นคงทางการเงินของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันด้านรายได้หลังเกษียณ ภายใต้บริบทนี้ “สลาก กอช” จึงมุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจเชิงพฤติกรรม เปลี่ยนวิธีคิดจาก “ต้องออม” เป็น “อยากออม”
“มั่นใจว่าสลากกอช. จะช่วยส่งเสริมวินัยการออมให้ประชาชนในประเทศได้ โดยจะสามารถสร้างการออมให้ประเทศได้ 1.3 แสนล้านบาทใน 10 ปี และกลายเป็นเสาหลักการออมให้กับประเทศ”นายเผ่าภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ กระบวนการทางกฎหมายหวยเกษียณอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาขอสภาฯ วาระ 2 และ 3 ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป คาดว่าเร็วสุดจะเริ่มขายได้ในไตรมาส 4/2568 โดยเฟสที่ 1 สามารถซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชัน กอช. และเป๋าตัง ซึ่งได้ผูกระบบเรียบร้อยแล้ว
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สำหรับสลาก กอช เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนที่มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปมีสิทธิซื้อสลากได้ โดยไม่จำกัดอาชีพ เพื่อความเท่าเทียมและครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม จำหน่ายในรูปแบบสลากขูดดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน กอช. ซื้อได้สูงสุดคนละไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน ออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น.
ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล ผู้ที่ถูกรางวัลสามารถรับเงินได้ทันที
ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ซื้อจำถูกรางวัลหรือไม่ เงินที่ใช้ซื้อสลากทุกบาทจะถูกนำฝากเข้าบัญชีเงินออมส่วนบุคคล และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่เงื่อนไขกำหนด และสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ต้องถือเงินออมไว้อย่างน้อย 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินทั้งหมดได้
น.ส. จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ. กอช. เพื่อรองรับการดำเนินงาน “สลาก กอช” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ หากพิจารณาแล้วเสร็จจะส่งกลับไปยังสภาฯ ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
น.ส.จารุลักษณ์ กล่าวว่า กอช. จึงถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนไทยที่ไม่มีสวัสดิการบำเหน็จบำนาญจากรัฐ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า แรงงานนอกระบบ ที่มีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ และเริ่มต้นออมได้ตั้งแต่ 50 บาทต่อครั้ง สูงสุด 30,000 บาทต่อปี และยังได้รับการออมสมทบเพิ่มจากรัฐตามช่วงอายุสูงถึง 100 % ดังนี้
“กอช. ไม่เพียงแต่ช่วยให้ประชาชนออมเงินได้อย่างยืดหยุ่นและได้รับเงินสมทบจากรัฐ แต่ยังมีโอกาสได้รับเงินบำนาญรายเดือนตลอดชีพ เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และรัฐค้ำประกันผลตอบแทนการลงทุนไม่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ย 7 ธนาคาร ซึ่งเงินออมยังสามารถ นำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาทต่อปี” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบสิทธิ สมัครสมาชิก กอช. และส่งเงินออมได้ทุกวันผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ อาทิ แอปพลิเคชัน “กอช”, เป๋าตัง, ทางรัฐ, MyMo, กรุงไทยเน็กซ์, ทรูมันนี่, เคพลัส, myAIS, ShopeePay หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กอช. 02-049-9000 ได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.30 น.