บอร์ด รฟท.ดันลงทุนไอซีดี ลาดกระบัง ชง ครม. มิ.ย.นี้
GH News May 20, 2025 06:41 PM

บอร์ด รฟท. ไฟเขียวผลศึกษาลงทุน ‘ไอซีดี ลาดกระบัง’ ชี้สัมปทาน 20 ปีให้ผลตอบแทนสูง เตรียมส่งให้ กระทรวงคมนาคม พิจารณา เพื่อเสนอ ครม.ไฟเขียวภายในเดือน มิ.ย. ปักธงลงนามสัญญาเอกชนภายในปีนี้

20 พ.ค. 2568 – นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟท.ได้เห็นชอบผลการศึกษาโครงการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้เป็นไปตามนัยของกฎหมาย ว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (โครงการศึกษาเรื่องการสรรหาผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 โดยว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าว โดยใช้เวลา 3 เดือนแล้วเสร็จ หลังจากนี้ รฟท. จะนำผลการศึกษาเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อให้กระทรวงฯเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในเดือน มิ.ย.นี้ คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญากับเอกชนได้ภายในปีนี้

 สำหรับโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนฯ ไอซีดี ที่ลาดกระบัง จากผลการศึกษาพบว่ารูปแบการลงทุนให้เอกชนจัดเก็บรายได้ และแบ่งรายได้ให้รัฐ (PPP Net Cost)  มีความเหมาะสม หลังจากที่ต้องชะลอเพื่อดำเนินตามคำสั่งของ ครม.เมื่อปีที่ผ่านมา ให้กลับไปดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นหลักเกี่ยวกับระยะเวลาสัมปทานและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยพบว่า การให้สัมปทานในกรอบเวลา 20 ปีจะสร้างผลตอบแทนสุทธิ (Net Present Value – NPV) ที่สูงกว่าชัดเจน โดยมองว่าระยะเวลาสัมปทานและการประเมินข้อมูลใหม่ ทำให้ รฟท. คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ในปี 2562

 ทั้งนี้ ในส่วนของผลการศึกษาใหม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับแนวทางที่ รฟท. ดำเนินการมาแต่ต้น อีกทั้งแสดงให้เห็นชัดว่าโครงการนี้มีศักยภาพสูงขึ้นหากขยายระยะเวลาสัมปทานหากครม.พิจารณาและเห็นชอบโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ โครงการนี้ก็พร้อมก้าวสู่ขั้นตอนการลงนามสัญญาและเดินหน้าก่อสร้างได้ทันที สำหรับ ไอซีดี ลาดกระบังถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและเชื่อมโยงโลจิสติกส์ของประเทศผ่านระบบราง หากสามารถลงนามและเปิดให้บริการได้ตามแผน จะเป็นอีกก้าวสำคัญของ รฟท. ในการสร้างรายได้ระยะยาว และลดภาระงบประมาณรัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับโครงการดังกล่าวฯมูลค่าอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท โดย ก่อนหน้านี้ รฟท.เปิดสรรหาเอกชนร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 3 ก.ย.-30 พ.ย.2561 มีเอกชนเพียง 1 รายยื่นข้อเสนอ จากผู้ซื้อเอกสารประกวดราคา 10 ราย คือ กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) ประกอบด้วย บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบังเทอร์มินัล จำกัด บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โอเชี่ยนเน็ตเวิร์ค เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด จากนั้น รฟท.ได้เสนอผลการประกวดราคา ซึ่งกิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) เป็นผู้ชนะการประกวดราคาฯ ไปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อเสนอ ครม.แต่พบว่าโครงการไม่สามารถเดินหน้าต่อได้

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.