โครงการ “เงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 มีเป้าหมายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet)
แม้ว่าแนวคิดจะได้รับเสียงตอบรับทั้งในแง่บวกและแง่วิจารณ์ แต่รัฐบาลก็ได้เดินหน้าดำเนินโครงการออกเป็นระยะ ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ระยะที่ 1 (เฟส 1) กลุ่มเปราะบาง
ระยะที่ 1 (เฟส 1) แจกเงินสดกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน และกลุ่มผู้ถือบัตรประจำตัวคนพิการ 2,149,286 คน รวมเป็น 14,555,240 คน ผ่านระบบพร้อมเพย์ วงเงิน 145,552.40 ล้านบาท
เริ่มจ่ายวันที่ 25-30 ก.ย. 2567 และจ่ายซ้ำอีก 3 ครั้ง วันที่ 22 ต.ค. 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค. 2567 ซึ่งผลปรากฏว่าจ่ายได้สำเร็จ 14,450,168 คน
ระยะที่ 2 (เฟส 2) ผู้สูงอายุ
ระยะที่ 2 (เฟส 2) แจกเงินสดกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวนกว่า 3,000,000 คน ผ่านระบบพร้อมเพย์ วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท
เริ่มจ่ายวันที่ 27 ม.ค. 2568 และจะจ่ายซ้ำอีกวันที่ 25 ก.พ. 28 มี.ค. และ 28 เม.ย. 2568
ชะลอเฟส 3 กลุ่มวัยรุ่น
ขณะที่เฟส 1 และเฟส 2 ได้ดำเนินการไปแล้ว ในส่วนการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่มอายุ 16-20 ปี ที่เข้าเงื่อนไขได้รับสิทธิไม่เกิน 3,000,000 คน กลับต้อง “ชะลอ” การดำเนินการออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ไทม์ไลน์สำคัญของโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันมีดังนี้
เมษายน 2566
- ในการหารเสียง “เพื่อไทย” ประกาศนโยบาย “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” โดยพรรคเพื่อไทยเสนอว่า ประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้รับ “เงินดิจิทัล” คนละ 10,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้จะไม่ใช่เงินสด แต่จะอยู่ในรูปแบบของ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ผ่านแอปพลิเคชันของรัฐ
สิงหาคม 2566
- หลังชัยชนะในศึกเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย โดยนายเศรษฐายืนยันเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
พฤศจิกายน 2566
- รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเดินหน้าอย่างเป็นทางการในโครงการ “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” โดยระบุว่าจะดำเนินการผ่านการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน วงเงินสูงสุด 500,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นงบประมาณสนับสนุนโครงการนี้
เมษายน 256
- โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลยิ่งเดินหน้าก็ยิ่งเผชิญกับแรงต้าน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนังสือด่วนถึงคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนแผนออก พ.ร.บ. กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ที่จะใช้สนับสนุนโครงการดังกล่าวเพราะกังวลต่อเสถียรภาพทางการเงิน
สิงหาคม 2567
- เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยนายกฯ แพทองธาร ยืนยันเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทตามแผนเดิมทุกประการ
- รัฐบาลชุดใหม่ประกาศวันเปิดลงทะเบียนโครงการ “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” โดย ประชาชนสามารถลงทะเบียนได้ผ่านแอปพลิเคชัน “กระเป๋าดิจิทัล” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 เพื่อเตรียมรับสิทธิ์
กันยายน 2567
- รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เดินหน้าโครงการ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และเริ่มโอนเงิน 10,000 บาท เฟสแรกเข้าบัญชีให้ผู้พิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
มกราคม 2568
- เดินหน้าอย่างต่อเนื่องกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยเริ่มเฟสที่ 2 ของการโอนเงิน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ
เมษายน 2568
- กระทรวงการคลังยืนยันว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ที่มุ่งเป้ากลุ่ม เยาวชนและวัยรุ่นอายุ 16–20 ปี จะยังคงดำเนินการตามแผนเดิม แม้จะมีเสียงวิพากษ์จากบางภาคส่วนเกี่ยวกับความจำเป็นและผลกระทบทางวินัยการคลัง
- โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการกำแพงภาษีใหม่เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่สหรัฐฯ เห็นว่าเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจรวมไปถึงประเทศไทย
- ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในประเทศ หลายฝ่ายเริ่มออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล ทบทวนโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่กำลังดำเนินอยู่
6 พฤษภาคม 2568
- นายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงกรณีมีกำหนดนำโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 เข้าพิจารณาว่าขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความรอบคอบและความเหมาะสมในการดำเนินโครงการ
19 พฤษภาคม 2568
- ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกฯ กล่าวยอมรับว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลต้องมีการทบทวนเนื่องจากเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐฯ ซึ่งการชะลอครั้งนี้มีสาเหตุจากความจำเป็นต้องทบทวนแผนการดำเนินงาน โดยจะใช้ในสิ่งที่เร่งด่วนกว่าและนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ดีขึ้น โครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอาจจะกลับมาพิจารณาดำเนินการต่อ