ตรวจพบสารหนูในบ่อน้ำตื้นบ้านชาวแม่สาย แนะเลี่ยงใช้ จี้รัฐตรวจซ้ำ
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีการตรวจพบสารหนูและโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายไปก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุดทางผศ.ดร.สุรพล วรภัทราทร หัวหน้าศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีก่อกำเนิด มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พร้อมด้วย ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ลงพื้นที่แม่น้ำสาย อ.แม่สาย เพื่อตรวจโลหะหนักในน้ำ (สารหนู-As) โดยใช้ชุดตรวจแบบรู้ผลทันที( IQUAN) ซึ่งเป็นชุดที่เคยตรวจไปแล้วก่อนหน้านี้ (30 เมษายน 2568) โดยใช้จุดเดิมในการตรวจเพื่อศึกษาหาแนวโน้มของปริมาณสารหนูว่ามีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เนื่องจากประชาชนต้องการรู้และติดตามสถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูว่ามีค่าเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นความร่วมมือกับหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภา) เทศบาลตำบลเวียงพางคำ
โดยการการตรวจน้ำที่หัวฝาย พรมแดนไทยพม่า มีประชาชนมารอสังเกตการณ์การตรวจกว่า 10 คน ผลการตรวจเบื้องต้น จุดที่ 1 แม่น้ำสายที่หัวฝาย พบสารหนู 0.12 มิลลิกรัม/ลิตร (mg/L) (ค่ามาตรฐานคือ 0.01 mg/L )การตรวจน้ำประปาจากก๊อกน้ำในบ้านเรือนไม่พบเกินค่ามาตรฐาน นอกจากนี้ได้นำน้ำจากบ่อน้ำตื้น(บ่อเจาะ)ในบ้านประชาชน ห่างจากแม่น้ำสายประมาณ 100 เมตร มาตรวจด้วย ซึ่งตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน คือ 0.10 mg/L โดยตรวจซ้ำ 3 ครั้ง เกินค่ามาตรฐานสองครั้ง ส่วนครั้งสุดท้าย error
นางบุญ ใจวงศ์ เจ้าของบ่อน้ำ กล่าวว่า ได้ใช้น้ำจากบ่อน้ำตื้นปั๊มขึ้นมาใช้อุปโภคในครัวเรือน และใช้ล้างบ้านจากน้ำโคลนน้ำท่วม พบว่ามีอาการคัน มีผื่นขึ้นตามมือ แขน เท้า เมื่อทราบผลแล้วในวันนี้ก็จะไม่ใช่น้ำบ่อ โดยจะใช้น้ำประปาซึ่งปลอดภัย ดีมากที่อาจารย์มาตรวจให้ในวันนี้ ได้รู้ว่าน้ำบ่อของเราปนเปื้อนสารหนู จะได้ไม่ใช้ต่อไป หากไม่รู้ก็จะเสี่ยงอันตรายในระยะยาว
ผศ.ดร.สุรพล กล่าวว่า สรุปได้ว่าน้ำประปายังคงปลอดภัย แต่น้ำในแม่น้ำสายค่าค่อนข้างสูง แต่ที่น่าสนใจคือบ่อน้ำตื้นที่มีความลึก 5-10 เมตร ที่ชาวบ้านนิยมขุดเพื่อนำน้ำใช้ในบ้าน ปรากฏว่าตรวจพบค่าสารหนูเกินมาตรฐาน ดังนั้นจึงไม่ควรใช้แล้ว ภาครัฐควรจะต้องมีการแจ้งเตือนชาวบ้านให้หลีกเลี่ยง สาธารณสุขควรเก็บตัวอย่างน้ำบ่อที่ชาวบ้านใช้ไปตรวจ รวมถึงบ่อบาดาลด้วยว่าปลอดภัยหรือไม่
ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลพูดถึงแค่ปัญหาสารหนูในแม่น้ำกก แต่จริงๆ แล้วลามไปถึง 4 แม่น้ำ โดยแม่น้ำสายคือน้ำพิษ รัฐบาลพูดเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วม ต้องการให้ตรวจเร่งด่วน ประชาชนมีแนวปฏิบัติอย่างไร เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยต้องแต่งกายหรือปฏิบัติตัวอย่างไร ขอเทศบาล รพ.สต. สำรวจว่าใครบ้างโดนน้ำแล้วคัน ห้ามสัมผัสน้ำโดยตรง แต่น้ำท่วมแล้วเราลุยน้ำเราจะต้องมีแนวปฏิบัติให้อย่างไร น้ำท่วมนี้มากับสารโลหะหนัก เป็นน้ำพิษหรือไม่
นายบัณฑิตย์ พันธ์พลากร ผู้อำนวยการศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภา) และว่าที่สมาชิกสภาเทศบาลเวียงพางคำ กล่าวว่าเราใช้น้ำประปาจากแม่น้ำสายอุปโภคบริโภค แปรงฟัน การตกค้างของสารโลหะจะเป็นอย่างไร ก่อเป็นมะเร็งในวันข้างหน้า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. น้ำท่วมที่แม่สาย ตนได้ไปช่วยประชาชนล้างบ้านที่ถ้ำผาจม ปรากฏว่าเป็นผื่นขึ้นที่มือสองข้างจนวันนี้ยังไม่หาย ชุมชนติดแม่น้ำสายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและปนเปื้อนสารพิษแบบนี้ ต่อไปใครจะมาช่วย ต้องใส่ชุดหมี ใส่ถุงมือ หรือสวมชุดอวกาศ คนจะมาช่วยนี่ต้องกล้าหาญมาก ชาวบ้านที่ยังไม่มีข้อมูลว่าสารพิษนี้จะสะสมร่างกายอย่างไร ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งที่จะเกิด คำว่าปลอดภัยในชีวิตของเราอยู่ตรงไหน 40,000 คนที่ใช้น้ำประปา มีความเสี่ยงต่อสุขภาพในอนาคต หากคนแม่สายกันเองยังไม่ปกป้องแม่น้ำที่เราใช้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25-26 พฤษภาคม ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงราย โดยการสั่งการของ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขดำเนินการเฝ้าระวัง การปนเปื้อนของสารหนู ใน บ่อน้ำตื้นและบ่อน้ำบาดาล ที่ประชาชนใช้สำหรับอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะในพื้นที่ ใกล้เคียงแม่น้ำสาย และ คลองชลประทานเมืองแดง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ร่วมกับศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอแม่สาย กองสาธารณสุข เทศบาลตำบลแม่สาย ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำจาก บ่อน้ำบาดาลและบ่อน้ำตื้น จำนวนทั้งสิ้น 11 ตัวอย่าง ในเขต ตำบลเวียงพางคำ และ ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย เพื่อทำการทดสอบเบื้องต้นด้วย ชุดทดสอบสารหนูภาคสนาม (Arsenic Field Test Kit) แต่ผลการตรวจเบื้องต้นไม่พบสารหนูในทุกตัวอย่างน้ำที่เก็บมา ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจวิเคราะห์โดยละเอียดจากห้องปฏิบัติการ ซึ่งจังหวัดเชียงรายจะประกาศแจ้งต่อประชาชนทันทีเมื่อทราบผลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง