หลังจาก ”ทักษิณ ชินวัตร“ นายใหญ่เพื่อไทย ประกาศหักดิบ ขู่ยึด กระทรวงมหาดไทย โดยอ้างทำงานไม่ถึงนอกจากเหตุผลทางการเมือง เพื่อคุมกลไกผู้ว่าราชการจังหวัด และท้องถิ่นปูทางไปสู่การเลือกตั้งปี 2570
อีกทั้งต้องการต้องการบลัฟคืนหลัง“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย (มท. 1) ในฐานะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปออกรายการโทรทัศน์ดัง ใจความสำคัญระบุว่า ในอนาคตสามารถ จับมือกับพรรคส้มได้ หากไม่แตะต้องกับมาตรา 112 ในทำนองไม่แคร์พรรคเพื่อไทย หากถูกยึดเก้าอี้มท. 1 หรือไล่ออกจากรัฐบาล
แต่เหตุผลเบื้องลึกหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะจริงๆแล้ว ”นายใหญ่“ นอกอำนาจแล้ว สิ่งที่ต้องการไม่แพ้กัน คือ ผลประโยชน์ต่างๆ ผ่านการออกนโยบายรัฐ อย่างเช่นวีรกรรมในอดีตที่เป็นตราบาปติดตัวตลอดถึงวันนี้
ทันทีที่ “ทักษิณ” ทราบเรื่อง ถึงกับโกรธจัด เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ยกสัญญาณใบแดง ต่อการออกกฎหมายพนันออนไลน์ถูกกฎหมายส่อเค้ากลายเป็นหมั่น เดินตามแนวทางนโยบายเรือธงอื่นๆของพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้
โดยสำนักข่าวอิศราได้รายงาน ถึง การเผยแพร่บันทึกของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การกำหนดสถานที่ในใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 เมื่อเร็วๆนี้
ถึงกรณีที่ กระทรวงมหาดไทย ขอหารือในประเด็นที่ว่า มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข กำหนดหลักประกัน การจัดเก็บรายได้และวิธีการเล่นพนันออนไลน์ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ได้หรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11)ให้ความเห็นโดยสรุปว่า พระราชบัญญัติการพนัน พศ. 2478 ไม่ให้อำนาจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวง หรือกฎหมายระดับรองเพื่อรองรับการพนันออนไลน์ โดยเฉพาะ การกำหนดหลักเกณฑ์จัดเก็บรายได้ และวิธีการเล่นพนันออนไลน์
ประเด็นหารือนี้เกิดขึ้น หลัง ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มค. 2568 มอบให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกันพิจารณาออกกฎหมายระดับรองเพื่อควบคุมการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้เสนอ
ท่ามกลางการวิจารณ์ว่ารับลูกมาจาก “พ่อใหญ่ทักษิณ“ ทันทีหลังแสดงวิสัยทัศน์ตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยผู้สมัครเพื่อไทยชิงนายกอบจ. ที่จังหวัดเชียงรายเมื่อต้นปี 2568
โดยประกาศต้องการให้ พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ขึ้นมาบนดิน หวังเก็บภาษี และ แก้อาชญากรรม ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสังคมมองว่าจะเป็นการมอมเมาประชาชนให้สิ้นเนื้อประดาตัว
ว่ากันว่า “ทักษิณ” ได้ไปเจรจาจบดีลกับนักลงทุนต่างๆไว้หมด แต่เมื่อไม่สำเร็จ จึงโยบบาปเป็นความผิดของ พรรคภูมิใจไทย ที่กำกับกระทรวงมหาดไทย ว่าชกไม่สุดหมัด และยังไม่กล้าชน กับ พรรครัฐราชการ นำโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา
ความไม่พอใจนี้ ยังขยี้แผลเก่า ที่ยังเจ็บปวดอยู่ของ ”ทักษิณ” เนื่องจาก พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร หรือ กฎหมายกาสิโน โดย ”ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคสีน้ำเงิน ออกมาคัดค้านเรื่องนี้กลางสภาฯ ถือเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่
ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ก็ลุยจับบ่อนเถื่อนและต้านธุรกิจสีเทา ไปทั่วประเทศ แถมยังยกร่างแก้ไขพ.ร.บ.การพนัน หวังคุ้มเข้ม ปราบปราม เพิ่มโทษหนัก การพนันครอบคลุมทั้งบ่อนและพนันออนไลน์ ซึ่งสวนทางกับความต้องการเปิดบ่อนเสรี ของ “พ่อนายกฯ”
เช่นเดียวกับ โจทก์เดิมที่ตั้งด้านอยู่ในที่ตั้งอย่างเข้มแข็ง อย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่เห็นกับกาสิโน เพราะไม่สอดคล้องกับการแถลงนโยบายรัฐบาล และยังตั้งด่านสกัดในร่างกฎหมาย หากคนไทยจะเข้าไปกาสิโน ต้องมีเงินในบัญชีถึง 50 ล้านบาท
รวมทั้ง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ไม่เห็นด้วยเพราะ สร้างภาพลวงเศรษฐกิจโต และยังสร้างผลกระทบต่อสังคมตามมามากมาย สมทบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปน.) ซัดรัฐบาลอาจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็น “สีเทา”
นอกจากนี้ยังมีความเห็นจากฝ่ายต้าน หากยังดึงดันอาจสุ่มเสี่ยงการปลุกผู้ชุมนุมออกมาคัดค้านเต็มบ้านเต็มเมืองและโลกโซเชียลฯ รวมถึงอาจต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังพบช่องว่าอาจขัดต่อกฎหมาย
ท่าทีเหล่านี้ ยังเกิดขึ้นกับนโยบายเรือธง อย่างโครงการแจกเงินหมื่น หรือ ดิจิทัลวอลเล็ต “นายกฯ” แพทองธาร ชินวัตร ต้องสั่งถอย ชะลอเฟส3ไปก่อน และไม่กล้าสารภาพว่ายกเลิก เพราะเกรงว่าจะผิดคำสัญญากับชาวบ้านซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปอีก พร้อมโยนความผิดให้ภาษีทรัมป์ และปัญหาเศรษฐกิจโลกไม่ดี
ทั้งที่ก่อนหน้า ก็ถูกขาประจำ อย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย โดดค้านเต็มตัว เพราะจะเกิดผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ สำนักงบประมาณ แม้ไม่ขัดขวางโดยสิ้นเชิง แต่ก็ได้คัดค้านผ่านการเสนอแนะว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ
ด้วยเหตุนี้หรือไม่ทำให้ “นายใหญ่” หัวฟัดหัวเหวี่ยง ประกาศหักดิบยึดกระทรวงมหาดไทย หวังลุยไฟท้ารบกับพรรครัฐราชการ ผลักดันกฎหมายพนันออนไลน์ และ กาสิโน รวมถึงนโยบายต่างๆ ให้สำเร็จ โดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้ รัฐบาลควบคุมสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว.