สาวเจ้าของภาพตัวจริงแจ้งจับ "คาร่า" ฐานตัดต่อหลอกหนุ่มรัก
GH News June 04, 2025 12:11 AM

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่นได้เผยแพร่ภาพจากเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ท่านเปา” ซึ่งได้โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่งมีปากเสียงกัน ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น พร้อมข้อความระบุว่า “สาวร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกแฟนหนุ่มทำร้าeกลางทางเดินคอนโดแห่งหนึ่งในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ 5 เดือน หลังจับได้ว่าแฟนนอกใจและเธอร้องขอให้ฝ่ายชาย “เซ็นรับรองบุตร” เพื่อให้ลูกมีสิทธิ์ตามกฎหมาย ! ตอนนี้เธอหวาดกลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัยและผ่านมา 5 เดือน คดียังไม่คืบ..” ซึ่งต่อมาทางฝ่ายหญิงชื่อคาร่า ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว เล่าถึงชีวิตช่วงที่อยู่ ฮ่องกง ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งผ่านทางแอปพลิเคชันติ๊กต๊อก คือผู้ชายในคลิป จากนั้นมีการพูดคุยกันจนคบหากันเป็นแฟน และมีการซื้อคอนโดมิเนียมร่วมกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบผัวเมียแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส และเปิดเผยอีกว่าประจำเดือนไม่มา จึงทำการตรวจพบว่าท้อง 3 เดือน พอฝ่ายชายรู้ว่าคาร่าท้อง ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปและแอบนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น ทะเลาะกันบ่อยจนแยกกันอยู่ ผ่านไปช่วงที่ตั้งท้อง 5 เดือน หมอบอกว่าเด็กในครรภ์มีภาวะน้ำคล่ำท่วมหัวใจ ส่งผลให้เด็กอาจจะไค่อยแข็งแรง หมอจึงต้องการให้พ่อแม่เด็กมาตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุ คาร่าจึงไปหาฝ่ายชายที่คอนโดมิเนียม เพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลตามที่หมอบอก แต่ปรากฎว่าฝ่ายชายเหมือนไม่ใส่ใจลูก และพูดกับคาร่าด้วยความโกรธโมโหว่า ก็บอกแล้วไงว่าให้เอาเด็กออก อยากเก็บไว้เองก็รับผิดชอบเอง จนมีปากเสียงทะเลาะกัน จนมีคลิปออกมาเผยแพร่ในสื่อโซเชีลมีเดียที่มีการผลักกัน ซึ่งเป็นคลิปวงจรปิดบันทึกภาพช่วงที่ฝ่ายชายผลักคาร่าในขณะที่ท้องอยู่ 5 เดือนจนลงไปนอนกับพื้นแล้วเดินหนีไปโดยไม่สนใจคาร่าเลย ในขณะที่ฝ่ายชายได้ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อว่า ให้สังคมตัดสินดูว่าเป็นการทำร้ายหรือแค่ทะเลาะแล้วยื้อยุดกันเหวี่ยงสะบัดไปทีเดียว แต่คาร่าเล่นใหญ่เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือไม่ และต่อมาคาร่าได้มีการดูแลเด็กในท้องจนกระทั่งคลอดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2568 คาร่าได้ขอให้ทางฝ่ายชายมาเซ็นรับรองบุตรให้ แต่ฝ่ายชายปฏิเสธมาตลอดว่าฝ่ายชายไม่ใช่ลูกของตัวเอง และคาร่ายังบอกว่าหลังจากนั้นก็ถูกฝ่ายชายและเพื่อนฝ่ายชายข่มขู่มาโดยตลอด

ในเรื่องดังกล่าวนั้นมีประเด็นเพิ่มเติมอีกว่า ฝ่ายชายได้มาเปิดเผยช่วงที่คบกับคาร่า ตั้งแต่ต้นว่า คาร่าไม่ตรงปก เพราะภาพที่ใช้ตอนคุยกันและมีการลงในโซเชียล แตกต่างกับตัวจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งทางคาร่าบอกว่าเป็นรูปที่มีการแต่งภาพผ่านแอปพลิเคชัน และฝ่ายชายบอกอีกว่าบางครั้งก็ไม่ยอมเปิดวีดีโอคอลคุยกัยหรือไม่ก็หันไปทางอื่น ซึ่งพอเจอกันตัวจริงฝ่ายชายรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้รัก และยอมรับว่ามีอะไรกัน 1 ครั้ง แต่เป็นลักษณะเหมือนคาร่าตามตื๊อให้เป็นแฟน และเริ่มประจานบอกเป็นผัวเมียแล้วจะทิ้งไป เขียนข้อความคุกคามติดหน้าห้อง ติดที่รถ จนมีการคุยกันคาร่าบอกว่าขอมีอะไรด้วย 1 ครั้งแบบไม่ใส่ถุงยางแล้วจบกัน ทำให้ฝ่ายชายยอมและผ่านไป 1 สัปดาห์คาร่ามาบอกว่าท้อง ทำให้ฝ่ายชายเชื่อว่าถูกหลอกตกหลุมพรางให้รับผิดชอบ และทางฝ่ายชายบอกให้ตรวจดีเอ็นเอลูกเพราะไม่เชื่อว่าท้องกับตัวเอง แต่คาร่าบอกว่าไม่ตรวจเพราะต้องการจบความสัมพันธุ์กับฝ่ายชาย และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทางฝ่ายชายด้วย และในส่วนของภาพที่ไม่ตรงปกนั้น คาร่าอ้างว่าทำหน้ามาและเป็นไทรอยด์ ทำให้ดูบวม และบอกว่าสมัยนี้การลงภาพในโซเชียลก็ต้องมีการแต่งภาพบ้างอาจทำให้ดูไม่เหมือน กระทั่งมีประเด็นข่าวเกิดขึ้นตามสื่อต่างๆ

ในเวลาต่อมา ที่ สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.ณัฐกมล บุญรอด อายุ 31 ปี ชาว จ.มหาสารคาม นำหลักฐานที่ถูกคาร่านำภาพตัวเองไปตัดต่อและนำไปหลอกลวงฝ่ายชายในข่าวที่ปรากฎ เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่าถูกนำภาพไปตัดต่อ ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายเอาไว้เมื่อ 6 ปีก่อน โดยหากมีการนำภาพไปทำให้เกิดความเสียหาย หรือนำไปหลอกลวงผู้อื่นไม่ว่าด้วยการกระทำใดๆ ผู้แจ้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และต้องการให้คนที่นำภาพไปตัดต่อออกมาขอโทษและชี้แจงผ่านสื่อ หากไม่ทำก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

น.ส.ณัฐกมล กล่าวว่า ได้นำหลักฐานภาพจริงที่ถ่ายในร้านอาหารเมื่อ 6 ปีก่อน โดยสวมใส่ชุดเดรสสีทอง เปรียบเทียบกับภาพที่ถูกตัดต่อเอาใบหน้าคนอื่นมาใส่และใช้วิธีกลับภาพเป็นอีกฝั่ง แต่ท่าทาง การวางมือ และทรงผม รวมทั้งกำไลที่แขนยังอยู่เหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงไปเฉพาะใบหน้า และอาจจะใช้เอไอช่วยอีกทาง ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวนั้นมีพี่ที่รู้จักกันและได้ดูรายการโหนกระแสโทรมาบอก ซึ่งมีการนำเสนอเรื่องดังกล่าว และมีการนำภาพของตนเองซึ่งเบลอหน้าเอาไว้ทำให้พี่ที่รู้จักกันจำได้ จึงโทรศัพท์มาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น 

"ขณะนั้นตนเองขับรถอยู่จึงให้พี่ช่วยดูรายละเอียดว่ามีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นบ้าง และส่งข้อความมาบอกรายละเอียดต่างๆว่าภาพถูกนำไปใช้แบบไหน ซึ่งระบุว่า นำภาพไปใช้ในติ๊กต๊อกแล้วคุยกับผู้ชายคนหนึ่งเพื่อหลอกลวง ทำให้ตนเองเกิดความเสียหาย และเพื่อนทุกคนที่เห็นก็จำได้หมด ซึ่งภาพดังกล่าวนั้นเป็นภาพเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ถ่ายลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่ง โดยมีเพื่อนถ่ายให้ ทำให้กลัวว่าจะถูกนำไปหลอกคนอื่นแล้วเกิดความเสียหายแต่ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นกับพี่ผู้ชายในข่าว ส่วนคนที่นำภาพตนเองไปตัดต่อนั้นยังไม่ยอมรับผ่านสื่อว่าตัดต่อภาพขึ้นมา แต่ไปยอมรับนอกรอบว่าทำภาพขึ้นมาจริง จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อก่อนเพื่อให้ทางคนนำภาพไปตัดต่อนั้นออกมาชี้แจงและขอโทษผ่านสื่ออย่างเป็นทางการ หากไม่ทำก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย"

น.ส.ณัฐกมล กล่าวต่อว่า หลังจากทราบเรื่องก็ได้ตรวจสอบจนทราบชื่อ-นามสกุลว่าเป็นคนชาว จ.มหาสารคามเหมือนตนเอง  ทีแรกก็ไม่ได้คิดถึงขั้นฟ้องร้องอะไร เพราะจะมาลงบันทึกประจำวันเอาไว้อยู่แล้ว แต่คนที่นำภาพไปตัดต่อนั้นมาโพสต์ลงโซเชียลว่าเป็นภาพของตัวเองจริงๆ และบอกว่าถ้าไม่ใช่รูปตัวเองก็ให้ฟ้องได้เลย แต่พอไปออกรายการข่าวไม่ตอบ และมาตอบนอกรอบทีหลังว่านำไปใช้จริง ตนเองจึงอยากให้คนที่นำภาพไปตัดต่อออกมาชี้แจงยอมรับ และขอโทษตนเองผ่านสื่ออย่างเป็นทางการ ว่าเอาภาพตนเองไปใช้จริง จึงจะไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย หากไม่ทำก็จะดำเนินคดีเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เรื่องดังกล่าวนั้นยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกไม่ดี เพราะขนาดตนเองออกมาเปิดเผยว่าตนเองเป็นตัวจริงในภาพแล้วถูกนำภาพไปตัดต่อ แต่หญิงรายดังกล่าวยังมีการมาโพสต์ด้วยว่า อย่ามาหาแสงกับฉัน ฉันเหนื่อยแล้ว ซึ่งตนเองไม่ได้หาแสดงแต่คุณมาสร้างความเดือดร้อนให้ ทั้งที่ตนเองใช้ชีวิตอย่างปกติสุขก็มีเรื่องดังกล่าวเข้ามาให้รู้สึกไม่ดีจนต้องมาแจ้งความในวันหยุด ฝากถึงคุณคาร่าว่า ขอให้โพสต์ชี้แจ้งข้อเท็จจริงเรื่องภาพ และหากไปออกรายการไหนก็ขอให้ยอมรับว่าใช้รูปตนเองไปตัดต่อเพื่อหลอกลวงคนอื่น ถ้าไม่ทำก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.